รีวิวอาหารจากร้านต่างๆ บุฟเฟ่ต์โรงแรม รีวิวร้านอาหาร เมนูอาหารน่าทาน รูปภาพอาหาร การทำอาหาร ส่วนผสม วัตถุดิบในการทำอาหาร เมนูอาหารคาว เมนูขนมหวาน เมนูเครื่องดื่ม ตามหาร้านอาหารอร่อย ร้านอาหารในดวงใจ เมนูวัตถุดิบพิเศษ credit www.manager.co.th, www.bloggang.com www.horapa.com,www.foodietaste.com,women.kapook.com
กองจู…อาหารเกาหลีตามรสนิยมคนกรุง
อาหารเกาหลีนับว่าเป็นอาหารตะวันออกไกลที่เป็นที่นิยมรองลงมาจากอาหารจีนและญี่ปุ่น ด้วยเสน่ห์ของอาหารชาตินี้อยู่ที่กรรมวิธีที่ง่ายๆแต่ถูกใจคนกิน คือกรรมวิธีที่เอาเนื้อสัตว์ทั้งหลายมาปิ้งและย่างบนเตาถ่านร้อนๆแล้วก็รับประทานกันเดี๋ยวนั้นวิธีการย่างเนื้อสัตว์แบบเกาหลีนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เหมาะกับการรับประทานในเวลาที่อากาศหนาวเย็น
อาหารอีกจานหนึ่งของเกาหลีซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเช่นกันก็คือ”กิมจิ” ผักดองรสเปรี้ยวอมเผ็ดซึ่งเป็นอาหารจานประจำสำรับของชาวเกาหลีที่ต้องมีทุกมื้อขาดเสียมิได้
ร้านอาหาร กองจู ที่โรงแรมปทุมวัน พริ้นเซส เป็นร้านอาหารเกาหลีที่มีกรรมวิธีในการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม ตั้งแต่การทำกิมจิด้วยการนำผักต่างๆมาหมักกับเกลือ จนเกลือดูดน้ำออกจากผักและมีรสเปรี้ยว จากนั้นจึงปรุงรสด้วยพริกเกาหลีให้มีรสเผ็ดนิดๆและสีแดงน่ารับประทาน ที่นี่มีผักสี่ชนิดไว้รับประทานเรียกน้ำย่อยคือ ผักบุ้ง แตงกวา ผักกาดขาว และหัวไช้เท้า นอกจากนั้นยังมีผักยำรสกลางๆอีกสี่ชนิดไว้แนมลดเผ็ดด้วยเช่นกัน คือผักโขม ถั่วงอกหัวโต แตงกวาและแครอท ผักสองจานแรกนี้จะถูกนำมาเสิร์ฟเป็นอาหารนำร่อง
จากนั้นเป็นอาหารที่ต้องสั่งมาเป็นอันดับแรกเพื่อรับประทานระหว่างรออาหารจานอื่นๆ ซึ่งอาหารจานนี้ถือว่าเป็นอาหารในจานที่มีสัญลักษณ์ของเลขมงคลคือเลข 9 ได้แก่อาหารชื่อ เจ้าหญิงปทุมวัน ที่บางคนก็เรียกว่า เจ้าหญิงนพเก้า เป็นอาหารที่บรรจุมาในภาชนะแปดเหลี่ยม สำหรับองค์ประกอบเก้าอย่าง คือแป้งแผ่นกลมบางสีขาวและไส้อีกแปดอย่าง คือ ไข่ขาวเจียวหั่นฝอย ไข่แดงเจียวหั่นฝอย ก้ามปูอัดฉีกฝอย เนื้อไก่สุกฉีกฝอย แตงกวาเส้น เนื้อกุ้งหั่น เห็ดเข็มทองต้ม และแครอทหั่นฝอย โดยใช้ตะเกียบคีบไส้แต่ละอย่าง อย่างละนิดหน่อย จากนั้นนำไปวางในแป้งจนครบทุกอย่างแล้วราดด้วยน้ำจิ้มที่ปรุงจากซีอิ๊ว น้ำมันงา น้ำตาลและเครื่องปรุงอื่นๆเป็นซ้อสสามรสและหอมงา รวบแป้งไม่ให้ไส้หนีแล้วรับประทานเป็นคำแบบเมี่ยง จานนี้เหมาะที่สั่งมาแบ่งกันรับประทาน
ซุปที่ไม่ควรพลาดคือซุปไก่ตุ๋นโสม ซุปโถใหญ่ที่แบ่งได้สำหรับสองถึงสี่คน เป็นซุปที่ใช้ไก่กระทงตัวกำลังพอเหมาะนำมาตุ๋นกับโสมเกาหลีที่ขึ้นชื่อในเรื่องของคุณประโยชน์ต่างๆ โสมถูกหั่นเป็นแว่นบางๆมีพุทราจีนเชื่อมลูกเล็กๆใส่มาด้วย ซุปไก่ถูกแบ่งและเสิร์ฟมาในชามเหล็กร้อนจี๋ รสชาติของน้ำซุปนุ่มนวลและได้กลิ่นหอมขึ้นจมูก เป็นกลิ่นหอมของโสมผสมกับเนื้อไก่จางๆชวนรับประทานเป็นอย่างมาก ซุปโถนี้หากสั่งให้ผู้สูงอายุหรือเด็กๆที่เบื่ออาหาร รับรองว่าไม่มีใครปฏิเสธเพียงได้ชิมคำแรกแล้ว ต้องติดใจในรสชาติซดต่อจนหมดชามอย่างแน่นอน เนื้อไก่ตุ๋นก็นุ่มนวลไม่เปื่อยยุ่ยจนหมดรส เพียงซุปชามนี้ชามเดียวก็เกือบอิ่มได้
อาหารจานเด็ดที่ทุกคนต้องสั่งมารับประทานด้วยกันอีกคือ เนื้อสัตว์และอาหารทะเลย่าง ซึ่งสมารถจะสั่งเป็นแบบรวมมิตรเนื้อสัตว์ หรือรวมมิตรอาหารทะเลมาอย่างละจานก็ย่อมได้ สำหรับโต๊ะที่มีสมาชิกน้อยคน แต่หากไปเป็นครอบครัวโต๊ะใหญ่ก็สามารถจะสั่งเนื้อสัตว์แต่ละชนิดแยกมาเป็นจานๆได้เช่นกัน ตั้งแต่เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัวซึ่งมีให้เลือกทั้งวัวในประเทศและเนื้อวัวนำเข้าจากต่างประเทศ ลิ้นวัวสด ส่วนอาหารทะเลก็มีตั้งแต่ กุ้ง หอยเชลล์ ปลาหมึก กุ้งล็อบสเตอร์
ซึ่งเนื้อสัตว์ทุกจานจะผ่านการหมักด้วยเครื่องปรุงต่างๆให้มีความนุ่มและรสชาติเป็นที่ถูกปากลูกค้าส่วนใหญ่ คือมีรสค่อนข้างหวาน เมื่อนำมาย่างบนตะแกรงเหนือเตาถ่านซึ่งอยู่ตรงกลางโต๊ะด้วยที่คีบ พลิกไปพลิกมาจนสุกตามใจชอบแล้วจิ้มด้วยน้ำจิ้มสามรส รับประทานกับผักกาดแก้วสดๆจิ้มด้วยเต้าเจี้ยวบดรสเค็มนิด หรือจะสั่งเป็นข้าวต่างๆเช่นข้าวผัดกระเทียม ข้าวยำเกาหลี ซึ่งเป็นข้าวสวยในจานหินร้อนจัด มีเห็ดเข็มทองต้ม ไข่แดงดิบ และผักดองต่างๆแต่งหน้ามาเต็มชาม นำมาคลุกต่อหน้าด้วยพนักงานผู้แคล่วคล่อง รับประทานสลับกับเนื้อย่าง ให้ความอร่อยไปอีกแบบจนหมดชามไม่รู้ตัว
เมื่อถึงขนมที่แปลกและเหมาะที่สุดกับอาหารที่เพิ่งจบไปนั้นคือ น้ำอบเชย เป็นน้ำเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอมและรสหวานที่ได้จากการเคี่ยวอบเชย ขิงแก่ กับน้ำตาลทรายแดงจนได้ที่ จากนั้นนำไปแช่เย็นจัดจนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งคล้ายซอร์เบต์ แต่งมาด้วยผลไม้เชื่อมแห้งที่มีความหอมเช่นลูกจันท์ ลูกพลับ และพุทราจีนเชื่อม เป็นอาทิ ของหวานถ้วยนี้ให้ความสดชื่นและดับคาวจากเนื้อสัตว์ย่างได้เป็นอย่างดี
หากต้องการลองดื่มสุราของเกาหลี ซื่อ”โซวจู”ที่นี่เขามีสุราพื้นเมืองรสเลิศซึ่งเป็นสุรา 30 ดีกรีแช่เย็นเจี๊ยบไว้บริการ เป็นสุราที่มีรสชาติกลมกล่อม ไม่ขมจัดช่วยชูรสอาหารได้เป็นอย่างดี แต่ข้อควรระวังคือเมาได้ง่ายเพราะรสชาติที่กลมกล่อมนี้เอง ที่หลายคนเพลิดเพลินกับรสชาติจนเมาอย่างไม่รู้ตัว
อาหารเกาหลีที่นี่ดูแลโดย คุณฮันน่า สาวเกาหลีรูปร่างกะทัดรัดผู้คอยแนะนำชวนชิมอาหารจานต่างๆตามความต้องการของทุกคน สิ่งสำคัญคือที่นี่แม้จะเป็นอาหารที่ย่างด้วยเตาถ่านแต่กลับไม่มีกลิ่นอาหารมารบกวนผู้มารับบริการแม้แต่น้อย เป็นห้องอาหารที่มีบรรยากาศน่านั่ง เหมาะกับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนรสชาติของอาหารที่เคยชินเป็นอาหารจานใหม่อีกด้วย หากจะไปในวันสุดสัปดาห์ควรสำรองที่นั่งเพื่อกันความผิดหวังที่
ข้อมูล
ร้านอาหาร กองจู
ประเภท อาหารเกาหลี
บรรยากาศ อยู่ในโรงแรมหรู
ที่อยู่ ชั้น 2 โรงแรมปทุมวัน พริ้นเซส ศูนย์การต้า มาบุญครองถนน ปทุมวัน กทม.
โทรศัพท์ 02 - 216-3700
ผักดอง"กิมจิ"...ภูมิปัญญาของคนเกาหลี
ถ้าเอ่ยถึงอาหารเกาหลีแล้ว "กิมจิ"จะเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ใคร ๆ ก็รู้จักกันดี
"กิมจิ"เป็นผักดองประเภทหนึ่ง เหมือนคนจีน คนไทย หรือญี่ปุ่นที่นิยมนำผักสดมาดองเค็มเพื่อถนอมอาหาร
กิมจิจะมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมาก อาทิ มีครอเลสเตอรัลต่ำ อุดมด้วยเส้นใยของผักและวิตามินซีและเอ
ที่เกาหลีจะมีเทศกาล gimjang อยู่ในช่วงฤดูหนาวราวเดือนปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมที่ผักสดกำลังผลิดอกออกใบ ให้รสชาติหวานกรอบอร่อย แม่บ้านเกาหลีจะนำผักสดเหล่านี้มาทำกิมจิหลากหลายชนิดเก็บไว้กินตลอดปี
เมื่อสมัยโบราณการทำกิมจินั้นมีเพียงรสเดียวเท่านั้นคือนำผักสดมาหมักกับเกลือทิ้งเอาไว้ ผักดองจะออกรสเค็มและเผ็ดเล็กน้อย บางแห่งที่อยู่ในเขตหนาวจัดจะหมักกิมจิในหิมะซึ่งจะได้ผักที่สดกรอบ
แต่พอเข้าสู่ศตวรรษที่ 17 เมื่ออารยะธรรมของ"พริกแดง" เดินทางจากยุโรปผ่านจีน ญี่ปุ่นมาถึงเกาหลี พริกแดงเหล่านี้เริ่มเข้ามามีบทบาทในกิมจิช่วยให้รสชาติเผ็ดร้อนแรงมากขึ้น ส่งผลให้มีการพัฒนารูปแบบกรรมวิธีการปรุงแต่งรสชติของกิมจิให้หลากหลาย จนปัจจุบันเชื่อว่ามีกิมจิมากว่า 160 ชนิดแตกต่างกันตามท้องถิ่น
กิมจิ จัดเป็นอาหารประเภท "เครื่องเคียง" ที่ขึ้นโต๊ะอาหารได้ทุกมื้อ แถมยังกินกับอาหารชื่อดังจานอื่น ๆ ได้อีก อาทิ กิจิ สตูว์ , กิมจิ แพนเค้ก , กิมจิข้าวผัด , กิมจิกับราเมง เป็นต้น
"กิมจิ"เป็นผักดองประเภทหนึ่ง เหมือนคนจีน คนไทย หรือญี่ปุ่นที่นิยมนำผักสดมาดองเค็มเพื่อถนอมอาหาร
กิมจิจะมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมาก อาทิ มีครอเลสเตอรัลต่ำ อุดมด้วยเส้นใยของผักและวิตามินซีและเอ
ที่เกาหลีจะมีเทศกาล gimjang อยู่ในช่วงฤดูหนาวราวเดือนปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคมที่ผักสดกำลังผลิดอกออกใบ ให้รสชาติหวานกรอบอร่อย แม่บ้านเกาหลีจะนำผักสดเหล่านี้มาทำกิมจิหลากหลายชนิดเก็บไว้กินตลอดปี
เมื่อสมัยโบราณการทำกิมจินั้นมีเพียงรสเดียวเท่านั้นคือนำผักสดมาหมักกับเกลือทิ้งเอาไว้ ผักดองจะออกรสเค็มและเผ็ดเล็กน้อย บางแห่งที่อยู่ในเขตหนาวจัดจะหมักกิมจิในหิมะซึ่งจะได้ผักที่สดกรอบ
แต่พอเข้าสู่ศตวรรษที่ 17 เมื่ออารยะธรรมของ"พริกแดง" เดินทางจากยุโรปผ่านจีน ญี่ปุ่นมาถึงเกาหลี พริกแดงเหล่านี้เริ่มเข้ามามีบทบาทในกิมจิช่วยให้รสชาติเผ็ดร้อนแรงมากขึ้น ส่งผลให้มีการพัฒนารูปแบบกรรมวิธีการปรุงแต่งรสชติของกิมจิให้หลากหลาย จนปัจจุบันเชื่อว่ามีกิมจิมากว่า 160 ชนิดแตกต่างกันตามท้องถิ่น
กิมจิ จัดเป็นอาหารประเภท "เครื่องเคียง" ที่ขึ้นโต๊ะอาหารได้ทุกมื้อ แถมยังกินกับอาหารชื่อดังจานอื่น ๆ ได้อีก อาทิ กิจิ สตูว์ , กิมจิ แพนเค้ก , กิมจิข้าวผัด , กิมจิกับราเมง เป็นต้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)