5 เมนูบะหมี่แห้ง จัดเต็มความแน่นน้ำซุปไม่ต้อง

5 เมนูบะหมี่แห้ง จัดเต็มความแน่นน้ำซุปไม่ต้อง

กี่ก้อนถึงจะพอ ! เด็กเส้นเชิญชิมเมนูบะหมี่แห้ง อาหารเมนูเส้นไม่เติมน้ำซุปก็อร่อย ยิ่งถ้าใส่เครื่องเคราแน่น ๆ เชื่อเถอะว่าซู้ดฟินยันเส้นสุดท้าย


     เมนูบะหมี่ อร่อยใคร ๆ ก็ชอบ แต่สำหรับใครที่เบื่อบะหมี่น้ำ ลองเปลี่ยนแนวมาทำบะหมี่แห้งกันเถอะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำบะหมี่แห้ง เริ่มจากลวกเส้นจนนุ่มแล้วเติมเครื่องเครา ใครจะเอาไปผัดก็อร่อยไปอีกแบบ ตะเกียบพร้อม ! กินกันให้พุงกางเลยนะคะ

สั่งซื้ออุปกรณ์ทำครัวครบชุด

Homework ชุดอุปกรณ์ทำครัว 50 ชิ้น ทำอาหารได้ทุกชนิด ครบ! จบในชุดเดียว

สั่งซื้ออุปกรณ์ทำครัวครบชุด


1. บะหมี่แห้งไก่แดง


     บะหมี่หมูแดงมีขายทุกตลาด แต่ถ้าหากเป็นบะหมี่ไก่แดงนี่หาซื้อยากเหลือเกิน ใครอยากลองกินเชิญเข้าครัวกันค่ะ ขอนำเสนอบะหมี่แห้งไก่แดง สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2228164 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (#maekwansri) จับเนื้อไก่หมักกับซอสแดงแล้วนำไปอบจนสุก ท็อปบนบะหมี่ลวก เติมเกี๊ยวไก่สับและเครื่องเคราต่าง ๆ ตามชอบ

ส่วนผสม ไก่แดง

   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ อกไก่ 600 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ อบเชยคั่ว 2 ก้าน
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ โป๊ยกั๊กคั่ว 2 ดอก
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมสับ 2-3 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ รากผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำเปล่า 6 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ สีผสมอาหารสีส้ม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำเปล่า 3 ถ้วย (สำหรับต้ม)

ส่วนผสม เกี๊ยวไก่สับ

   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ สะโพกไก่
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ แผ่นเกี๊ยว
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วขาว
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสหอยนางรม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ สามเกลอ (กระเทียม รากผักชี และพริกไทย โขลกให้ละเอียด)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันกระเทียมเจียว

ส่วนผสม บะหมี่แห้งไก่แดง

   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ บะหมี่ไข่
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันกระเทียมเจียว
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เนื้อไก่แดง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เกี๊ยวไก่สับ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ลูกชิ้นปลา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ลูกชิ้นกุ้ง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ไข่ต้มยางมะตูม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กวางตุ้งลวก
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำซอสไก่แดง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ต้นหอมซอย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกป่น
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกน้ำส้ม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ถั่วลิสงคั่ว หรือทอด
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำปลา

วิธีทำไก่แดง

     1. ใช้ส้อมจิ้มไก่ให้ทั่วชิ้น พักไว้
     2. ผสมอบเชยคั่ว โป๊ยกั๊กคั่ว กระเทียมสับ รากผักชี พริกไทยป่น น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ น้ำผึ้ง ซอสมะเขือเทศ ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว เกลือ และน้ำเปล่า เข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลปี๊บละลาย ใส่สีผสมอาหารสีส้มกับน้ำเปล่าคนให้ละลายแล้วใส่ลงไปในเครื่องหมักคนให้เข้ากัน
     3. เอาเนื้อไก่ใส่ลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือ 1 คืน
     4. เอาเนื้อไก่พร้อมน้ำหมักใส่ลงหม้อ เติมน้ำเปล่าประมาณ 3 ถ้วยตวง เคี่ยวด้วยไฟต่ำจนกระทั่งสุกและน้ำงวดลง
     5. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที เมื่อได้ที่แล้วพักไว้ และเก็บน้ำซอสที่เคี่ยวไก่ไว้ราดบะหมี่

วิธีทำเกี๊ยวไก่สับ

     1. สับไก่ให้ละเอียด
     2. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ซอสหอยนางรม และสามเกลอ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
     3. ห่อเนื้อไก่ด้วยแผ่นเกี๊ยวแล้วนำไปลวกในน้ำเดือดให้สุก คลุกเคล้าด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว พักไว้

วิธีทำบะหมี่แห้งไก่แดง

     1. คลี่บะหมี่ออกแล้วใส่ลงในที่ลวกเส้น นำไปสรงในน้ำเย็นก่อนเพื่อล้างแป้งออกก่อนแล้วนำไปลวกในน้ำเดือดจนเส้นนิ่ม สะบัดให้สะเด็ดน้ำ
     2. คลุกเคล้าด้วยน้ำมันกระเทียมเจียวให้ทั่วถึง
     3. ใส่ชามแล้วใส่เครื่องที่เตรียมไว้ ได้แก่ เนื้อไก่แดง เกี๊ยวไก่สับ ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง ไข่ต้ม และกวางตุ้งลวก ราดด้วยน้ำซอสไก่แดง โรยต้นหอม ปรุงรสด้วยพริกป่น พริกน้ำส้ม ถั่วลิสงคั่ว หรือทอด น้ำตาลทราย และน้ำปลาตามชอบ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บะหมี่แห้งไก่แดง จานเดียวเครื่องแน่น อิสลามทานได้

2. บะหมี่ผัดน้ำพริกเผาโหระพา


     ใครชอบกินอาหารรสจัดจ้าน อยากให้ลองทำเมนูบะหมี่ผัดน้ำพริกเผาโหระพา สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรนี้ใช้บุกแทนเนื้อสัตว์ เหมาะกับคนกินมังสวิรัติ เติมความเผ็ดจากน้ำพริกเผาเจ เตรียมเครื่องดื่มหวาน ๆ มารอเลยจ้า

ส่วนผสม บะหมี่ผัดน้ำพริกเผาโหระพา

   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ บุกชนิดปลาหมึก 100 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เห็ดชิเมจิ 30 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกไทยอ่อนหั่นท่อน 3 ช่อ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบ 1 เม็ด
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ใบโหระพาสับ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำพริกเผาเจ 1 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เส้นบะหมี่ไข่ลวกสุก 150 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกสดสีแดงทุบพอแตก 7 เม็ด

วิธีทำบะหมี่ผัดน้ำพริกเผาโหระพา

     1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่กระเทียมลงเจียวพอเหลือง ใส่บุกลงผัด ตามด้วยเห็ดชิเมจิ ผัดพอสุกใส่พริกไทยอ่อน พริกสด และใบโหระพา
     2. ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผาเจ ซอสเห็ดหอม ซอสปรุงรส และน้ำตาลทราย เติมน้ำเปล่า ผัดพอทั่ว ใส่เส้นบะหมี่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่พริกชี้ฟ้า ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จาน จัดเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บะหมี่ผัดน้ำพริกเผาโหระพา เมนูมังสวิรัติรสเด็ด

3. บะหมี่ผัดแฮมหมูฝอย


     หลังจากกินบะหมี่แห้งผัดรสเผ็ดไปแล้ว ลองมากินแบบจืด ๆ กันบ้างดีไหม ขอนำเสนอบะหมี่ผัดแฮมหมูฝอย สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน ใส่แฮม หมูฝอย และผักหลากสีสัน ใครจะโปะไข่ดาวหรือไข่เจียวเพิ่มความฟินก็เจิด

ส่วนผสม บะหมี่ผัดแฮมหมูฝอย

   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ บะหมี่ไข่ลวกสุก 2 ก้อน
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ แฮมหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 1/4 ถ้วยตวง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ หมูเค็มฝอย 1/4 ถ้วยตวง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ถั่วลันเตา 50 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ แครอทกดเป็นดอก 50 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ต้นหอมหั่นท่อน 1 ต้น
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันงา 1 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำบะหมี่ผัดแฮมหมูฝอย

     1. ใส่น้ำมันพืชในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน นำกระเทียมลงเจียวจนเหลืองหอม ใส่แฮมลงผัดพอหอม
     2. ใส่แครอท และถั่วลันเตา ผัดพอเริ่มสุก ใส่เส้นบะหมี่ไข่
     3. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย น้ำมันงา และพริกไทยป่น ผัดจนส่วนผสมเข้ากันดี
     4. โรยต้นหอม หมูเค็มฝอย ผัดพอเข้ากัน ยกลงตักใส่จาน รับประทานร้อน ๆ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บะหมี่ผัดแฮมหมูฝอย ก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งชวนอร่อย

4. บะหมี่แห้งราดซอสกระดูกหมูตุ๋นเห็ดหอม


     ใครชอบแทะอยากให้ลองทำเมนูบะหมี่แห้งราดซอสกระดูกหมูตุ๋นเห็ดหอม สูตรจาก เฟซบุ๊ก Fashion On Food จับกระดูกหมูหมักกับเครื่องโขลกและเอาไปตุ๋นจนเปื่อย ใส่เห็ดหอมต้มจนสุก เสร็จแล้วโปะบนเส้นบะหมี่เคียงด้วยคะน้าลวก

ส่วนผสม บะหมี่แห้งราดซอสกระดูกหมูตุ๋นเห็ดหอม

   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระดูกหมู
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ รากผักชี
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกไทย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันหอย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วขาว
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสปรุงรส
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ แป้งมันสำปะหลัง
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระดูกหมู
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำซุป
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซีอิ๊วดำ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เห็ดหอม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลทราย (สำหรับปรุงรส)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกไทย (สำหรับปรุงรส)
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ คะน้า
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เส้นบะหมี่
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันกระเทียมเจียวกากหมู
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ต้นหอมซอย

วิธีทำบะหมี่แห้งราดซอสกระดูกหมูตุ๋นเห็ดหอม

     1. โขลกรากผักชี กระเทียมและพริกไทย ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และน้ำตาลทราย ชิมจนได้รสที่ชอบ สุดท้ายใส่น้ำมันพืชและแป้งมันสำปะหลังลงไปหน่อย จากนั้นนำกระดูกหมูอ่อนลงไปหมักอย่างน้อย 1/2 ชั่วโมง ถ้ามีเวลาก็หมักข้ามคืน พอหมักได้ที่ก็นำไปทอดจนกระดูกหมูสุกเกรียมสวย
     2. นำลงไปต้มในน้ำซุปเดือด ๆ เทพวกรากผักชีโขลกลงไปต้มด้วย เหยาะซีอิ๊วดำอย่างเดียวพอ พอน้ำเดือดก็หรี่ไฟลงแล้วตุ๋นต่อประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงหรือจนกระดูกหมูเปื่อย สุดท้ายใส่เห็ดหอมลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทย น้ำซุปจะหนืด ๆ หน่อยค่ะ เพราะใส่แป้งมันสำปะหลังลงไปด้วยตอนหมักกระดูกหมู แต่ถ้าไม่หนืดก็เทแป้งมันสำปะหลังละลายน้ำลงไปหน่อย เอาแค่หนืดเล็ก ๆ พอ
     3. เวลาจะเสิร์ฟก็นำคะน้าไปลวก ตามด้วยลวกเส้นบะหมี่ คลุกเส้นด้วยน้ำมันกระเทียมเจียวกากหมู เวลาจัดจานโรยต้นหอมซอยลงไปด้วย

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บะหมี่แห้งราดซอสกระดูกหมูตุ๋นเห็ดหอม จานเด็ดสุดอร่อย

5. บะหมี่อบพะโล้สะโพกไก่หม้อดิน


     เตรียมปัดฝุ่นหม้อดินกันหรือยังเอ่ย จะได้เอามาใส่บะหมี่อบพะโล้สะโพกไก่หม้อดิน สูตรจาก นิตยสาร Food News & Life ความพิเศษคือใส่น้ำพะโล้พอขลุกขลิกและสะโพกไก่สุกนุ่มราดลงบนบะหมี่ เสิร์ฟในหม้อดินสุดเก๋

ส่วนผสม บะหมี่อบพะโล้สะโพกไก่หม้อดิน

   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมสับละเอียด 30 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ รากผักชีสับละเอียด 20 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ผงพะโล้ 2 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำตาลปี๊บ 80 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำเปล่า 250 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสหอยนางรม 3 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ สะโพกไก่ 4 ชิ้น
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ บะหมี่เป๊าะลวกสุก 250 กรัม
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ น้ำมันเจียวกระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ เบคอน 2 เส้น
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ รากผักชีบุบ 2 ราก
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ กระเทียมปอกเปลือก 10 กลีบ
   ​​  ​​​​ ​​​​​​•​ ผักชีและพริกชี้ฟ้าแดง (สำหรับตกแต่ง)

วิธีทำบะหมี่อบพะโล้สะโพกไก่หม้อดิน

     1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ผัดกระเทียม รากผักชี พริกไทยป่น และผงพะโล้จนมีกลิ่นหอม
     2. เติมน้ำตาลปี๊บลงผัดจนละลายเป็นสีน้ำตาล
     3. ใส่น้ำเปล่า ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรมและซอสปรุงรส
     4. ใส่สะโพกไก่ลงไปต้มใช้ไฟอ่อนจนไก่สุก เตรียมไว้
     5. ผสมบะหมี่เป๊าะลวกสุกกับน้ำมันเจียวกระเทียมเข้าด้วยกัน
     6. วางเบคอนลงในหม้อดิน ตามด้วยรากผักชีและกระเทียม ปิดฝา นำขึ้นตั้งไฟจนมีกลิ่นหอม
     7. ตักสะโพกไก่พะโล้ลงในหม้อดิน วางผักกวางตุ้งและบะหมี่ เติมน้ำพะโล้ ปิดฝา อบต่อจนส่วนผสมมีกลิ่นหอม และระอุดี แต่งหน้าด้วยผักชีและพริกชี้ฟ้าแดง พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บะหมี่อบพะโล้สะโพกไก่หม้อดิน เมนูเส้นกลิ่นหอมชวนหิว

     เป็นบุญปากจริง ๆ ถ้าได้กินเมนูบะหมี่แห้งเครื่องตูม ๆ สักมื้อ แต่ตอนนี้คงต้องอดทนไว้ก่อน รอต้นเดือนเมื่อไรจะจัดหนักจัดเต็มสามมื้อสามวันให้หายอยากไปเลย

ที่มา กระปุกดอทคอม

สั่งซื้ออุปกรณ์ทำครัวครบชุด

Homework ชุดอุปกรณ์ทำครัว 50 ชิ้น ทำอาหารได้ทุกชนิด ครบ! จบในชุดเดียว

สั่งซื้ออุปกรณ์ทำครัวครบชุด


บทความแนะนำ

5 สุดยอดร้านกระเพาะปลาในกรุงเทพ 30 อันดับขนมหวานเมืองคามาคูระประเทศญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่น 101 เมนู อาหารญี่ปุ่นชนิดต่างๆ หมึกโอชา 7 ขนมหวานยอดฮิตของเยอรมัน อาหารไทยห่อ-ม้วน ประโยชน์ของอะเซอโรลาเชอรี่ (Acerola Cherry) อาหาร 100 อย่างตามทางรถไฟสายยามาโนเตะ

25 หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ดีที่สุดที่คุณควรอ่าน

25 หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ดีที่สุดที่คุณควรอ่าน
คุณต้องทราบซึ่งเป็นการ์ตูนที่ดีที่สุดของเวลาทั้งหมด ในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นรายการของเรา คุณจะเรียนรู้ซึ่งเป็นการ์ตูนที่ดีที่สุดที่เคยในโลกของการ์ตูน เป็นไปได้ และถ้าคุณยินดีที่จะพยายามอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณ คุณจะให้มัน ซึ่งแตกต่างจากการ์ตูนอเมริกัน มักสวย ขายหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นออนไลน์ที่ดีที่สุดมีจำนวนมากของความลึก และมีความหมายลึกคุณสามารถค้นพบมีนับล้านของแฟน ๆ การ์ตูนทั่วโลก เพียงมีนับล้านของแฟน ๆ ของการ์ตูนอเมริกัน นวนิยายกราฟฟิค และ เนื่องจากฐานแฟนเรื่อย ๆ เรารวบรวม 25 หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ดีที่สุดของเวลาทั้งหมดที่คุณต้องการดู

25. One Piece

ขายหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นออนไลน์

มันยากจริง ๆ ที่รวมเรื่องราวของชุดหลายร้อยและหลายร้อยตอน แต่เรารับประกันได้ว่าตัวละครหลัก ลูฟี่ จะให้เป็นบทเรียนชีวิตที่มีความหมาย เขาจะสอนว่า ถ้าจะตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่าง คุณควรให้ทั้งหมดของคุณ และการต่อสู้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตของคุณ ข้อความนี้อยู่คนเดียวทำให้หนังสือการ์ตูนนี้ดี

24. No Game No Life

ร้านขายหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น

ขายการ์ตูนออนไลน์ยอดเยี่ยมนี้สามารถเสพติดสำหรับนักเล่นเกมจากการพล็อตไม่ซ้ำกันและแนวคิดของโลกจินตนาการที่เกือบทุกอย่างที่อยู่ภายใต้กฎเฉพาะใดต้องปฏิบัติตลอดเวลา สองตัวละครเอกเป็นพี่น้องที่ชื่อโซระ และเต้าเจี้ยวที่อย่างรุนแรงที่ถูกส่งไปโลกแตกต่างที่จะเรียกใช้เกม และที่พวกเขาต้องพัฒนาไลฟ์สไตล์เพื่อความอยู่รอดในโลกที่เกมจะไม่บริสุทธิ์ และเย็น

23. Psycho-Pass

ขายหนังสือการ์ตูนออนไลน์

ไซโคพาสชุดสมาร์ทที่วิเคราะห์ความลึก และหรือไม่เป็นบุคคล "เว้ เมื่อมีเมฆ สามารถตรวจสอบถ้าพวกเขาจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อสังคม นักสืบใช้อาวุธพิเศษเรียกว่า Dominator ที่ จะสามารถอ่าน และส่งข้อมูลทางจิตวิทยาเพื่อตรวจสอบค่าสัมประสิทธิ์อาชญากรรมของบุคคลอย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับว่าเมฆสีของคนเป็น พวกเขาจะรับฟื้นฟูบังคับ หรือดำเนินการได้ทันที แฟน ๆ ของชนกลุ่มน้อยรายงานควรดูการ์ตูนนี้

22. Akame ga Kill!

ขายหนังสือการ์ตูน pdf

ตามความคิดเห็น มันเป็นไปได้ค่อนข้างหาของคู่แรกของตอนที่น่าเบื่อ แต่เป็นเรื่องที่แผ่ออกไป มันกลายเป็นการ์ตูนต่อสู้น่ารักที่สุดที่คุณอาจเคยเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เรื่องราวเน้นเด็กผู้ชายประเทศที่ชื่อทัตสึมิที่ได้กำหนดเดินทางไปยังเมืองหลวงให้ชื่อสำหรับตัวเอง และตรงตามกลุ่มอันตรายที่ดูเหมือนว่าพระกาฬเรียกว่า Raid คืน คุณจะเข้าร่วมเขาในการเดินทางของเขา

21. Rurouni Kenshin: Wandering Samurai

อ่านการ์ตูนออนไลน์

ชุดนี้ยอดเยี่ยมเน้นการผจญภัยของดาบพเนจรก็เป็นหนุ่มที่เริ่มสะดุดเมื่อโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ดิ้นรนในยุคเมจิ ญี่ปุ่น ดังนั้น ถ้าตัวละคร ฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ดาบดี บิตของประวัติ (เรื่องที่เกิดในของ 1870), และบางเจ้าเกี่ยวกับความรุนแรงและสันติภาพชีวิต intrigues คุณคุณแน่นอนต้องดูชิ้นเอกนี้น้อย

20. One-Punch Man

หนังสือการ์ตูนออนไลน์

คนหนึ่งหมัดตามฮีโร่ที่สามารถสิ้นสุดการต่อสู้ของเขา ด้วยหมัดเดียว และที่รู้สึกท้อแท้เขา ตอนนี้คุณอาจจะคิด ไม่น่าสนใจเกี่ยวกับที่ คุณไม่ต้องการเห็นพระเอกดิ้นรนเพื่อฆ่าศัตรูของเขา ไม่ดีตอนนี้ ที่นี่คุณจะเห็นพระเอกซูเปอร์สู้ดิ้นรนค้นหาศัตรูแข็งแกร่ง ดิ้นรนจะรู้สึกตื่นเต้นและความตื่นเต้นของการต่อสู้เขาครั้งเดียวรู้สึกว่าเมื่อเขาก็อ่อนแอ เขาถูกฝึกจะกลายไม่คุ้มหลังจากทั้งหมด ชมการแสดงจะได้รับคำตอบของคุณ

19. Inuyasha

ขายการ์ตูนตาหวานออนไลน์

คาโกเมะ สาวทันสมัยจากโตเกียว บังเอิญพบเว็บไซต์ที่นำเธอไปสู่ญี่ปุ่นยุคกลาง ที่เธอได้พบกับอินุยาฉะครึ่งปีศาจ เธอตัดสินใจที่จะช่วยเขาหาเป็นคริสตัลวิเศษ และต่อสู้กับปีศาจร้าย Naraku ด้วยความมีคุณธรรมผสมผสานความโรแมนติก ตลก ผจญภัย แฟนตาซี และสยองขวัญ อินุยาฉะมีจัดการที่ได้รับนับล้านของแฟน ๆ ทั่วโลก และถือว่าคลาสสิกในแวดวงร้านขายหนังสือการ์ตูนออนไลน์

18. Trigun

ขายการ์ตูนผู้หญิง pdf

นักวิจารณ์และแฟน ๆ Trigun รวมบางส่วนของตัวตลก บทสนทนาไร้ สาระมากที่สุด และในเวลาเดียวกันทางปัญญาละครมีประสิทธิภาพและสิ่งที่คุณอาจจะพิจารณาจะ สยองขวัญในแง่อารมณ์ความรู้สึก เพียงเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมของความคิด Vash ตัวเอก เป็นหนึ่งในตัวละครที่ขัดแย้งมากที่สุดในร้านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น ใด ๆ คุณจะเคยเห็น เขาเป็น gunfighter ที่เกลียดฆ่า แต่เขาไม่ได้อยู่ดี เขาเป็นเกือบแตก ยังอ่อนแอมาก เขามีพลังที่จะทำลายชีวิตทั้งหมด แต่ลูก ๆ ตายของข้อผิดพลาด มี 60 ล้านคู่ป้ายราคาบนหัวของเขา เขาก็ขอจากคนในโลก

17. Samurai Champloo

ร้านขายการ์ตูนผู้หญิง pdf

เรื่องราวของขายการ์ตูนผู้หญิงออนไลน์ที่สวยงามแห่งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับจินซามูไรแบบดั้งเดิมและมีฝีมือมาก Mugen เป็นซามูไรที่เป็นนวัตกรรมใหม่และมีฝีมืออย่างเท่าเทียมกัน และ Fuu, สาวที่ทำงานอยู่ที่โรงน้ำชาที่ เมื่อจินและได้รับการติด Mugen และกำลังจะมีการดำเนินการ Fuu ช่วยชีวิตของพวกเขาและในทางกลับทำให้พวกเขาสัญญาว่าจะช่วยเธอหาซามูไรใครมีกลิ่นเหมือนดอกทานตะวัน ฉันรู้ว่าคุณอาจจะคิดว่าพล็อตของหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นนี้ฟังดูง่ายและหน่อมแน้ม แต่เชื่อเราเมื่อเราบอกว่ามันก็คุ้มค่าให้มันลอง

16. Soul Eater

อ่านการ์ตูนผู้หญิง pdf

สิ่งที่แฟน ๆ ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะชอบเกี่ยวกับ Soul Eater คือว่ามันมีสิ่งใหม่ ๆ ที่จะนำเสนอในแง่ของเรื่องการตั้งค่าบุคลิกของตัวละครหลักและรูปแบบศิลปะ ศูนย์เรื่องราวใน Shibusen โรงเรียนสำหรับ“อาวุธและปริญญาโท” ในเมืองสมมติแห่งความตายซิตี, เนวาดา ที่จะได้รับความเข้าใจที่แตกต่างกันมากขึ้นเป็นอาวุธใน Soul Eater เป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการแปลงร่างเป็นอาวุธไม่ได้เป็นเพียงอาวุธใด ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเกิดมาเป็น

15. Tokyo Ghoul

การ์ตูนไซโต้ จิโฮ

ผีปอบจะน่ากลัวสัตว์ที่กินเนื้อมนุษย์ เมื่อ Kaneki ถูกฆ่าตายเกือบในการโจมตีเขาเปลี่ยนเป็นครึ่งปอบ, ไฮบริดครึ่งมนุษย์และถูกบังคับให้ต้องปรับให้เข้ากับวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเขาเพื่อให้อยู่รอด คือการแสดงนี้ดีหรือไม่? ใช่ไม่ต้องสงสัย แต่คำแนะนำของเราคือว่าถ้าคุณเกิดขึ้นพบว่าเลือดรบกวนแล้วคุณควรจะดูหนังสือพิมพ์ฉบับ

14. Cowboy Bebop

อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นออนไลน์

คุณสามารถจินตนาการว่ามันจะเป็นเช่นหากเป็นอัจฉริยะได้พอดีทุกภาพยนตร์ที่ดีที่คุณเคยเห็นลงในเวลาเพียงหนึ่งชุด? ดีนี้เป็นวิธีการต่าง ๆ นานาแฟนตายแข็งของคาวบอย Bebop อธิบายมัน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในขายหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นออนไลน์กระทำที่ดีที่สุดคาวบอยแจ๊ชเป็นพื้นที่ตะวันตกที่มีรอยขีดข่วนของฟิล์มนัวร์สยองขวัญโกธิค, สิ่งมีชีวิตที่คุณลักษณะตลกสีดำเซี้ยวขบขัน, การกระทำสายลับอาชญากรรม, โรแมนติก, โศกนาฏกรรม, การกระทำ, ปรัชญาวิทยาศาสตร์จิตวิญญาณ , โชคชะตา, มองในแง่ดีและอื่น ๆ มันมีบางสิ่งบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับทุกคน

13. Fullmetal Alchemist

อ่านการ์ตูนนิยาย

เล่นแร่แปรธาตุกลายเป็นหนึ่งในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่นิยมมากที่สุดทั้งในอเมริกาและญี่ปุ่นเนื่องจากการสัมผัสเรื่องราวมากของตน เรื่องที่หมุนรอบเอ็ดเวิร์ดและอัลฟองส์ Elric ที่จะลองทำอะไรที่พวกเขาสามารถที่จะนำแม่ของพวกเขากลับมาจากความตายโดยพยายามแปลงร่างมนุษย์ ถ้าคุณคิดว่าอนิเมะไม่สามารถทำให้คุณร้องไห้แล้วพยายามที่จะดูคนนี้ได้โดยไม่ฉีกขาดขึ้น

12. Code Geass

 อ่านการ์ตูนโรแมนติก

Code Geass ตั้งอยู่ในจักรวาลผลัดหลังจากชัยชนะของญี่ปุ่นโดยพระ Britannian จักรวรรดิที่มีประสิทธิภาพอาวุธของพวกเขาใหม่หุ่นยนต์ที่ Knightmare กรอบลอกญี่ปุ่นและประชาชนที่มีสิทธิและเสรีภาพและการเปลี่ยนชื่อเขตประเทศ 11. Lelouch เป็นเจ้าชาย Britannian ที่ ให้สิทธิในราชบัลลังก์หลังจากที่แม่ของเขาถูกฆ่าตายและได้สาบานว่าจะทำลายพ่อของเขาจักรพรรดิและ Britannia มันน่าสนใจเสมอเมื่อเรื่องครอบครัวผสมกับความกระหายชัยชนะทางการเมืองและการปกครองที่ไม่?

11. Bleach

อ่านการ์ตูนสยองขวัญ

นักเรียนมัธยม Kurosaki Ichigo จะแตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ เพราะเขาสามารถมองเห็นผี หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับกลวงในป่าเขาได้รับพลังงาน ดังนั้นจุดเริ่มต้นการฝึกอบรม Kurosaki ของอิจิโกะและหน้าที่เป็น Shinigami, Reaper วิญญาณ หากคุณชอบความรู้สึกที่หกแล้วคุณมักจะรักชุดนี้

10. Fairy Tail

การ์ตูนนิยายโรแมนติก

ในโลกที่วิเศษเป็นที่นิยมใช้และขายเป็นทีมงานของสมาชิกกิลด์จะใช้เวลาในภารกิจต่าง ๆ ที่จะได้รับเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเช่า ในหมู่พวกเขาลูซี่ผู้วิเศษจิตวิญญาณของท้องฟ้า Natsu ไฟฆ่ามังกรและมีความสุขเป็นแมวสีฟ้ามีปีก ยินดีต้อนรับสู่ Fairy Tail-โลกที่วิเศษสามารถซื้อทุกอย่าง

9. Sword Art Online

การ์ตูนรัก

ในปี 2022 นักเล่นเกมทั่วโลกได้เรียงรายขึ้นในวันเปิดตัวสำหรับดาบศิลปะออนไลน์ MMORPG ที่คาดการณ์ไว้อย่างถึงพริกถึงขิงที่ช่วยให้ผู้เล่นเชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงดื่มด่ำกับหมวกกันน็อกพิเศษที่เรียกว่าเกียร์ประสาท Kirito เป็นหนึ่งในนักเล่นเกมดังกล่าวที่มีความกระตือรือร้นที่จะกระโดดกลับเข้ามาในการดำเนินการมีการใช้จ่ายมากเวลาเป็นผู้ทดสอบเบต้าได้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นเพื่อนกับมือใหม่นักรบไคลน์ ที่เหลือก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ของการ์ตูนและประวัติศาสตร์ในขณะนี้

8. Dragon Ball Z

อ่านการ์ตูนโรแมนติก

หลังจากที่รู้ว่าเขามาจากดาวเคราะห์ดวงอื่นนักรบชื่อคุและเพื่อนของเขาได้รับแจ้งให้ปกป้องมันจากการโจมตีของศัตรูต่างดาว ในสิ่งที่อาจจะหนังสือขายการ์ตูนญี่ปุ่นในเอเชียที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเวลาทั้งหมดในเวสต์, Dragon Ball Z เป็นและจะเป็นไปแฟน ๆ หลายคนหนึ่งในการ์ตูนที่มีอิทธิพลมากที่สุดที่เคยสร้าง

7. Naruto Shipp?den

ขายการ์ตูนรักโรแมนติก

นารูโตะ Uzumaki เป็นดังสมาธินินจาวัยรุ่นที่ต่อเนื่องการค้นหาสำหรับการอนุมัติและการรับรู้เช่นเดียวกับที่จะกลายเป็น Hokage ที่ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำและแข็งแกร่งของนินจาทั้งหมดในหมู่บ้าน เรื่องราวที่มีความสวยงามอย่างแน่นอนและมีการต่อสู้มหากาพย์รวมกับอารมณ์ความรู้สึกลึกและการเปลี่ยนแปลงเรื่องคาดเดาไม่ได้ที่จะพัดใจของคุณ

6. Attack on Titan

ขายการ์ตูนโรแมนติก

หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นกระทำที่ดีที่สุดตาม Ranker โจมตีบนไททันเป็นจริงหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นพื้นทำลาย หลังจากที่บ้านเกิดของเขาถูกทำลายและแม่ของเขาถูกฆ่าตายหนุ่มอีเรนเจการ์สาบานในการทำความสะอาดโลกของไททันส์มนุษย์ยักษ์ที่ได้นำมนุษยชาติไปที่ขอบของการสูญเสียที่ นี้เป็นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงในหลายระดับ: เรื่องภาพวิสัยทัศน์และบรรยากาศ ขั้นพื้นฐานของยักษ์ไม่สนใจว่ากินคนอาจจะฟังดูโง่และแม้แต่พิลึกบนกระดาษ แต่ดูมันใบคุณมีความรู้สึกที่แตกต่างกันมาก

5. Fullmetal Alchemist: Brotherhood

ขายการ์ตูนนิยายโรแมนติก

หนึ่งในอนิเมะที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใหญ่เล่นแร่แปรธาตุ: ภราดรภาพคือการค้นหาเกี่ยวกับพี่ชายสองคนหินนักปรัชญาหลังจากความพยายามที่จะฟื้นตายแม่ของพวกเขาไปไม่ดีและจะทำให้พวกเขาพิการทางร่างกาย มันเป็นชุดที่น่าพอใจมากที่จัดการการมีส่วนร่วมที่จะอยู่ตลอดหกสิบสี่ตอนวิ่ง

4. Dragon Ball

ขายการ์ตูนความรักนิยายโรแมนติก

ดราก้อนบอลเป็นอีกหนึ่งขายการ์ตูนผู้หญิงออนไลน์ในตำนานที่กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกและได้รับล้านของแฟน ๆ เรื่องที่มุ่งเน้นไปที่การผจญภัยของเด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษชื่อคุในขณะที่เขาค้นหาเจ็ดลูกมังกร ลูกเหล่านี้เมื่อรวมสามารถให้สิทธิ์เจ้าของความปรารถนาใด ๆ และส่วนที่เหลือเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์วัฒนธรรมป๊อป

3. Pok?mon

ขายการ์ตูนผู้หญิงโรแมนติก

ดีสิ่งที่เราสามารถพูดเกี่ยวกับการผจญภัยในตำนานของซาโตชิและหุ้นส่วนของเขา Pikachu ที่เดินทางข้ามหลายภูมิภาคในความหวังของการถูกยกย่องว่าเป็นโทโปเกมอนที่คุณไม่ได้รู้หรือไม่? แม้ว่าศิลปะและแม้กระทั่งจากจุดเรื่องราวในมุมมองของโปเกมอนอยู่ตรงไหนใกล้หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือดีที่สุดเท่าที่เคยมีก็ไม่สามารถเถียงได้มีชื่อเสียงมากที่สุดและมีอิทธิพลในระดับโลก

2. Future Diary

ขายการ์ตูนผู้หญิงโรแมนติกออนไลน์

หนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจมากที่สุดที่เราเคยเห็นในประวัติศาสตร์ของหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นพระเอกของชุดนี้จะได้รับสมุดบันทึกประจำวันที่สามารถทำนายอนาคตและถูกโยนลงไปในการต่อสู้กับสิบเอ็ดคนอื่น ๆ ที่คนสุดท้ายที่รอดชีวิตจะกลายเป็นพระเจ้า เสียงสวยหวานไม่?

1. Death Note

ขายการ์ตูนผู้หญิงรักโรแมนติกออนไลน์

การ์ตูนสายดาร์คได้รับการโหวตว่าเป็นร้านขายการ์ตูนญี่ปุ่นที่ดีที่สุดตลอดกาลในประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในสิ่งที่แฟน ๆ หลายคนพบสนใจเกี่ยวกับ Death Note คือตัวเอกของเรื่องไม่ได้เป็นคนดีของคุณโดยทั่วไปเช่นพระเอกโปรเฟสเซอร์ของคุณทุกวัน ความจริงที่ว่าชุดนี้ไปที่คนอื่นไม่กี่ได้กล้าที่จะไปในแง่ของรูปแบบทางศีลธรรมเป็นมั่นเหมาะหนึ่งในเหตุผลที่คุณจะพบชุดนี้ที่ทำให้เป็นทาสเพื่อ

10 ความจริงเกี่ยวกับอวกาศ

10 ความจริงเกี่ยวกับอวกาศ
1. น้ำแข็งบนดาวพลูโตแข็งกว่าโลหะ
ดาวพลูโตจัดอันดับในระบบสุริยะว่าเป็นดาวที่อยู่ไกลดวงอาทิตย์ มากที่สุดจะมีความหนาวเย็นมากกว่าดาวดวงอื่นๆ แต่ใครจะรู้ว่าน้ำแข็งที่อยู่บนดาวพลูโตที่อุณภูมิติดลบถึง 234.4 องศาเซลเซียสนั้นจะมีความแข็งแรงกว่าโลหะที่อยู่บนโลกของเราซะอีก

2. ดวงจันทร์เรืองแสงไม่ได้
นักบินอวกาศในโครงการอพอลโลได้รายงานว่าพบแสงสลัวส่องประกายออกมาจากดวงจันทร์ แต่เนื่องจากบนดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศอย่างเช่นโลกของเราจึงคาดกันว่าแสงที่เห็นน่าจะเป็นแสงสะท้อน
จากอนุภาคเล็กที่ลอยตัวอยู่เหนือพื้นผิวดวงจันทร์มากกว่าการเรืองแสงด้วยตัวมันเอง

3. ดวงอาทิตย์หดตัวเรื่อยๆ
ทุกการปะทุของลมสุริยะที่ออกจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์แต่ละครั้งจะทำให้ดวงอาทิตย์สูญเสียมวลรวมไปราว 2 ล้านกิโลกรัมต่อวินาที แต่ไม่ว่าบนดวงอาทิตย์จะเกิดลมสุริยะมาแล้วกี่ครั้ง ดวงอาทิตย์ก็
ยังสามารถให้แสงสว่างและความร้อนได้มาจนถึงปัจจุบัน

4. โลหะสามารถเชื่อมติดกันอัตโนมัติบนอวกาศ
สำหรับในอวกาศหากเราคิดจะเชื่อมโลหะให้ติดกันเราสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดช่วยเลย เพราะโลหะจะเชื่อมติดกันโดยอัตโนมัติด้วยวิธีที่เรียกว่า “เชื่อมแบบเย็น (Cold Welding)” ซึ่งนั่นทำให้ทางนาซาจำเป็นต้องเคลือบชิ้นส่วนของยานอวกาศทุกลำด้วยสารป้องกันการเกาะติดเพื่อไม่ให้
ชิ้นส่วนของยานอวกาศติดกัน

5. โลกอาจมีดวงจันทร์ดวงที่ 2
ในปีค.ศ.1986 ‘ดันแคน วอลดรอน’ นักวิทยาศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ได้ค้นพบวัตถุประหลาด ซึ่งต่อมาวัตถุนั้นมีแนวโน้มจะกลับมาโคจรรอบโลกจึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นดวงจันทร์ดวงที่ 2 ของโลก อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้ได้มีการค้นพบวัตถุในลักษณะเดียวกันนี้อีกถึง 3 ดวง แต่ถูกจัดให้อยู่ในฐานะดาวเคราะห์น้อยเท่านั้น

6. มนุษย์จะมีความสูงเพิ่มขึ้น 2 นิ้วบนอวกาศ
เชื่อหรือไม่... หากเราลองไปอยู่บนห้วงอวกาศแล้ว เราจะมีความสูงเพิ่มขึ้นมาอีก2 นิ้ว เนื่องเพราะว่าบนอวกาศไม่มีแรงดึงดูดจึงส่งผลให้กระดูกสันหลังของเรายืดตัวได้ยาวขึ้น แต่หลังจากที่กลับลงมาอยู่บนพื้นโลกความสูงก็จะกลับมาเท่าเดิมเหมือนก่อนที่จะขึ้นไปอวกาศ

7. ดวงจันทร์เคลื่อนตัวห่างจากโลกปีละ 3.8 ซม.
ในทุกปีดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวห่างจากโลกออกไปราว 3.8 เซนติเมตรต่อปี เนื่องจากโลกหมุนรอบตัวเองเร็วกว่ารอบโคจรของดวงจันทร์ นอกจากนี้ยังทำให้โลกโคจรรอบตัวเองช้าลง 0.002 วินาทีในทุกๆ 100 ปี แต่ถึงการเคลื่อนไหวตัวของดวงจันทร์จะห่างจากโลกไปทุกปีก็ไม่ได้ส่งผลใดๆให้กับโลกของเราเลยแม้แต่น้อย

8. ของเหลวจะกลมเมื่ออยู่บนอวกาศ
จากความรู้ในอดีตที่ว่ารูปร่างของ“ของเหลว” จะเปลี่ยนตามภาชนะที่บรรจุ แต่หากว่าของเหลวนั้นมาอยู่ภายใต้สภาวะไร้น้ำหนักบนห้วงอวกาศมันจะมีรูปร่างเป็นทรงกลมราวกับมีพลาสติกห่อหุ้มอยู่

9. ดาวเสาร์เบาจนลอยน้ำได้
ถ้าสามารถนำเอาดาวเสาร์มาวางลงบนผิวน้ำ ดาวเสาร์จะลอยบนผิวน้ำ โดยไม่มีทางจม เนื่องจากดาวเสาร์มีน้ำหนักเบาและมีความหนาแน่นเพียง 0.687 กรัม ต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ในขณะที่ความหนาแน่นของน้ำอยู่ที่ 0.998 กรัม ต่อลูกบาศก์เซนติเมตรนั่นเอง

10. แสงลึกลับที่ขอบจักรวาล
ในอดีตมีการค้นพบแสงลึกลับที่ส่องลงมาจากเส้นขอบจักรวาล ในช่วงแรกๆ นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถระบุได้ว่ามันคืออะไร แต่หลังจากมีการสำรวจก็พบว่าน่าจะเป็นวัตถุที่มีแสงสว่างเจิดจ้าซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณร้อยล้านปีแสง ซึ่งมันสามารถปล่อยพลังงานได้มากกว่ากาแลกซี่ทางช้างเผือกถึง 1,000 เท่า โดยมีการตั้งให้แสงดังกล่าวนั้นชื่อว่า “เควซาร์”

ที่มา นิตยสาร FHM

ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China)

ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China)
ประเทศจีนที่ซึ่งประวัติศาสตร์และตำนานสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ จนบางครั้งมันเกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกเรื่องจริงออกจากนิทานในดินแดนที่สสารไม่จีรัง เหมือนหมอกยามเช้าในหุบเขาลุ่มแม่น้ำเหลือง กองหินมหึมาที่เรียกว่ากำแพงเมืองจีน โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินทันทีทันใดเหมือนมังกรหลับใหล หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของยุคโบราณและโลกปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ของมันถูกห้อมล้อมด้วยเรื่องเล่าขานของเหตุการณ์นองเลือดและความบ้าคลั่ง มันถูกกล่าวว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ยาวที่สุดในโลก มังกรหินขนาดมหึมาที่ขนาดของมันไม่เพียงแต่น่าเกรงขาม แต่ยังเป็นแนวคิดของมันเอง มันเป็นการเปลี่ยนสัญลักษณ์ของความอัปยศ ความขัดแย้งของชาติ เป็นหลักการทางจิตวิทยาและวัฒนธรรมของประเทศจีนสมัยใหม่ด้วย

กำแพงเมืองจีนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างไม่เป็นทางการของประเทศจีนในปี 1972 เมื่อประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เดินเข้าไปในระหว่างการเยือนเพื่อเปิดสัมพันธ์ทางการฑูตกับประเทศจีน เขากล่าวว่า "ผมคิดว่าคุณต้องพูดได้ว่า มันต้องเป็นกำแพงอันยิ่งใหญ่ ถูกสร้างโดยคนของประเทศที่ยิ่งใหญ่" แต่ชาวจีนเองไม่รู้สึกภูมิใจกับมันเสมอไป มุมมองเดิมของจีนต่อกำแพงก็คือพวกเขาคิดว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลที่กดขี่ ความอ่อนแอทางทหารและความไร้ประโยชน์ มันเป็นสัญลักษณ์ของการทนทุกข์ของชาวจีนภายใต้การปกครองแบบกดขี่ มันเริ่มขึ้นที่บริเวณภูเขาบรรจบกับทะเล ที่ชางไห่กวนและทอดยาวผ่านภาคเหนือของจีนไปจรดขอบทะเลทรายโกบี ก่อให้เกิดระบบที่เรียกว่ากำแพงยาวซึ่งกินระยะทางหลายพันไมล์ของดินแดนจีน และความสง่างามของมันได้รับการเฉลิมฉลองอย่างกว้างขวางทั้งในนิทานและในตำนาน

ถึงกระนั้นโลกตะวันตกก็ไม่ได้รับรู้ถึงการปรากฏอยู่ของกำแพงเมืองจีนเป็นเวลากว่า 1,500 ปี ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ มันไม่ปรากฏอยู่ในภาพวาดของจีนสมัยนั้น หรือในบันทึกของมาโคโปโลตอนที่เขามาประเทศจีนในศตวรรษที่ 13 ในความเป็นจริงชาวจีนไม่ได้เรียกมันว่ากำแพงอันยิ่งใหญ่ จนกระทั่งศตวรรษที่ 20 ที่โลกตะวันตกหลงใหลมันจนตั้งชื่อนี้ให้ ในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 เริ่มมีแนวคิดแบบตะวันตกที่สถาปนาให้กำแพงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศจีน และชาวจีนก็ยอมรับแนวคิดนี้ เพื่อให้มันกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมสมัยใหม่ของประเทศจีน

ในปี 1908 นักเขียนและนักผจญภัย วิลเลี่ยม เอดการ์ กิล (William Edgar Geil) กลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่เดินทางตลอดแนวกำแพง ข้อสังเกตของเขาเป็นคำเชื้อเชิญมากกว่าคำชมเชย และคำประกาศอันน่าอับอายของเขาถูกนำมากล่าวซ้ำจนถึงปัจจุบันว่า "กำแพงเมืองจีนคือสัญลักษณ์แห่งยุคทองของจีน มันยาว 1,700 ไมล์ และเป็นสิ่งก่อสร้างฝีมือมนุษย์ที่มองเห็นด้วยตาเปล่าจากดวงจันทร์" ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่สามารถเห็นกำปพงเมืองจีนได้จากดวงจันทร์ เรื่องราวนี้ถูกแพร่ออกไปตอนที่มีการขึ้นสู่อวกาศ และมันก็เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักบินอวกาศ ในหมู่คนที่เคยออกไปอยู่ในอวกาศว่า คุณไม่สามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้จากอวกาศได้ และนักบินอวกาศมักจะบอกว่า มีคนไม่น้อยที่ถามคำถามนี้ แต่เรื่องเล่าอื่นๆยังคงอยู่และแทบไม่เคยได้รับการยืนยันจากวิทยาศาสตร์

มีการคำนวณทุกชนิดในศตวรรษที่ 19 ออกมาว่า คุณเอาหินทุกก้อนจากกำแพงมาเรียงใหม่ได้รอบเส้นศูนย์สูตร หรือว่ามันมีมวลเท่ากับบ้านทุกหลังในอังกฤษและสก็อตแลนด์ และเรื่องเหล่านี้ก็อยู่มาจนถึงในศตวรรษที่ 20 ตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกำแพงเมืองจีนก็คือ มันมีกำแพงเมืองจีนจริงหรือไม่ มันเต็มไปด้วยความสงสัยว่ากำแพงเมืองจีนเคยปรากฏอยู่ในฐานะแนวป้องกันชิ้นเดียวยาวต่อเนื่องข้ามภาคเหนือของประเทศจีน มันน่าจะเป็นกำแพงไม่ต่อเนื่องหลายชุดที่สร้างในเวลาต่างๆ กัน โดยผู้คนต่างๆ กัน เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ กัน แล้วนำมาต่อกัน ปล่อยให้ผุพัง สร้างใหม่ และขยายออกในช่วงราวๆ 2,000 ปี เมื่อคนคิดถึงกำอพงเมืองจีน พวกเขาคงจะคิดถึงสิ่งก่อสร้างใหญ่โต ยาวต่อเนื่องกันหลายพันไมล์ข้ามประเทศจีน แน่นอนว่าความจริงมันต่างจากนั้นมาก กำแพงถูกสร้างเป็นชิ้นๆ ส่วนใหญ่แล้วมันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าซากปรักหักพังทางโบราณคดีเลย และในพื้นที่ห่างไกลของจีนส่วนใหญ่มันก็ถูกทับถมไปแล้ว

ส่วนของกำแพงที่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิงที่ยังเหลืออยู่ ส่วนที่พวกเขาสร้างในศตวรรษที่ 16 นั้นน่าทึ่งมาก มันเป็นกำแพงอิฐตันอยู่บนภูเขาสูงชันพร้อมด้วยหอสังเกตการณ์ และมันก็ยากมากที่จะจินตนาการว่าพวกเขาสร้างมันจนเสร็จได้อย่างไร สำหรับขนาดอันใหญ่โตและมิติอันหนักแน่นของมัน กำแพงเมืองจีนยังคงมีปริศนาซ่อนอยู่ มันไม่เคยได้รับการสำรวจอย่างทั่วถึง และแม้แต่ในปัจจุบัน ไม่มีใครแน่ใจถึงความยาวและเส้นทางแท้จริงของมัน ประวัติศาสตร์ของกำแพงเมืองจีนที่ตกมาถึงเรา คือการผสมผสานอันแปลกประหลาดของความจริงและจินตนาการ หลักฐานอันหนักแน่นเพียงเล็กน้อยหลอมรวมกับเรื่องเล่าขานและตำนาน และมันก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกมันออกจากกัน

ไม่เคยมีอารยธรรมใดที่ดูจะนิยมการสร้างกำแพงมากกว่าชนชาติจีนอีกแล้ว การตั้งถิ่นฐานครั้งแรกสมัยยุคหินกลางหรือนีโอลีธิก (Neolethics) ส่วนสำคัญของเมืองถูกล้อมรอบด้วยคันดินถม อันที่จริงแล้วคำว่าชางที่แปลว่าเมืองในภาษาจีนยังแปลว่ากำแพงอีกด้วย กำแพงเมืองจีนคือกำแพงซ้อนกำแพง กำแพงเมืองจีนเป็นส่วนปกป้องกำแพงที่ซ้อนกันอยู่ทั้งปวง รวมถึงกำแพงของบ้านพักอาศัยด้วย กำแพงเป็นส่วนลึกล้ำทางประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมจีน พวกเขาสร้างกำแพงล้อมรอบบ้านและวัด เทพเจ้าของกำปพงและอาคารมีอำนาจเหนือขอบเขตความเป็นและความตาย คนจีนสร้างกำแพงเพื่อระบุขอบเขตของพวกตน เพื่อป้องกันผู้แปลกหน้าจากที่ห่างไกล กำแพงในบางแห่งอาจมีความสำคัญในบางพิธีกรรมด้วย ประเทศจีนสมัยก่อนเป็นอาณาจักรที่ปราศจากความสงบ การที่ชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือและอาณาจักรข้างเคียงที่ตื่นตัวทุกครั้งเมื่อมีสัญญาณของความอ่อนแอ กำแพงจึงถูกมองว่าเป็นความจำเป็นทางยุทธศาสตร์

จนสิ้นศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล บริเวณที่กลายเป็นประเทศจีนได้ก้าวเข้าสู่ยุคของความขัดแย้งระหว่างรัฐที่ยาวนานถึง 500 ปี มันประกอบด้วยรัฐที่ปกครองด้วยระบบขุนนางและรัฐเล็กๆ ที่ปกครองด้วยระบบศักดินาที่มารวมตัวกันหลายแห่งมารวมตัวกันอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซึ่งมีอำนาจทางจิตใจและพิธีกรรมมากกว่าในทางปฏิบัติ จนถึงกลางศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล เกียรติยศและพันธไมตรีที่มอบให้จักรพรรดิต้องหลีกทางให้กับความเห็นแก่ตัวและการเข่นฆ่า มันคือช่วงสงครามระหว่างแคว้นที่ชาวจีนเริ่มสร้างกำแพงขึ้นอย่างจริงจัง แคว้นฉีสร้างกำแพงขึ้นตามแนวชายแดนด้านใต้เพื่อป้องกันศัตรูจากแคว้นฉู แคว้นฉูสร้างกำแพงตามแนวชายแดนด้านเหนือเพื่อป้องกันตนเองจากแคว้นฉิน แคว้นเยนและแคว้นเฉาสร้างกำแพงเพื่อป้องกันตนเองจากพวกเร่ร่อนทางเหนือและจากกันและกัน กำแพงมีความยาวทั้งหมดประมาณ 2,800 ไมล์ กำแพงถูกสร้างขึ้นตามแนวชายแดนของแคว้นต่างๆ ที่ทำสงครามกัน

ในยุคหนึ่งมีแคว้นต่างๆ ถึง 120 แคว้น เมื่อถึงช่วงสูงสุดของสมัยสงครามระหว่างแคว้น และมีเพียง 7 แคว้นที่เหลืออยู่ มีการทำลายแคว้นเล็กๆ มากมายทั่วทั้งประเทศจีน ที่หลงเหลือมาจากสมัยสงครามระหว่างแคว้นคือ ปรัชญาชีวิตหลักของจีนที่เริ่มก่อตัวขึ้น ขณะที่มีผู้มีความรู้พยายามคิดว่า สิ่งใดผิดพลาดและจะแก้ไขมันอย่างไร ในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ขงจื๊อเห็นถึงความจำเป็นในการเคารพกฎและความสำคัญระหว่างมนุษย์และสวรรค์อย่างเคร่งครัดและเสียใจกับการมีสงครามและกำแพง ลัทธิกลุ่มหนึ่งคือลัทธิเต๋าค้นพบคำตอบในธรรมชาติและเชื่อว่า ทุกสิ่งมีสภาพเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาพลังหยินและหยาง เพราะฉะนั้นการดิ้นรนและสงครามจึงเป็นเรื่องไร้สาระ ถ้าปรัชญาเหล่านี้กลายเป็นนโยบายระหว่างรัฐ มันคงเป็นไปได้ยากที่กำแพงจะถูกสร้างขึ้นมา

แต่แคว้นฉินใช้ระบอบการปกครองเบ็ดเสร็จด้วยกฎหมายการลงโทษและการให้รางวัล มีเรื่องเล่าที่ดีมากเกี่ยวกับคนดูแลมงกุฏและคนดูแลเสื้อคลุม ในคืนหนึ่งที่ฮ่องเต้หลับอยู่หน้าบริเวณเตาผิง คนดูแลมงกุฏจึงนำเสื้อมาคลุมให้ท่าน ฮ่องเต้ตื่นขึ้นมาถามว่า ใครห่มเสื้อคลุมให้ฉัน ผู้ดูแลมงกุฏก็ตอบว่าข้าเอง แล้วฮ่องเต้ก็สั่งให้นำตัวไปประหารทันทีเพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ของเขา เรื่องเหล่านี้เป็นแนวทางของกองทัพฉินในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล พวกเขาเริ่มเคลื่อนกำลังข้ามแผ่นดินจีนผนวกเอาแคว้นต่างๆ เข้าไปเหมือนหนอนไหมกัดกินใบหม่อนตามบันทึกนักประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ฮั่น 246 ปี ก่อนคริสตกาล เหตุการณ์สำคัญก็เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องที่เกิดขึ้น เด็กชายอายุ 13 ก้าวเข้าสู่บัลลังค์ของแคว้นฉิน เขาเป็นที่รู้จักในนามของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิคนแรกของประเทศจีน ตำนานกล่าวว่าเขาบินไปยังดวงจันทร์ด้วยพรมวิเศษในความฝัน เมื่อมองลงมาเขาเห็นอาณาจักรของเขามีภัยคุกคามจากศัตรูมากมาย เขาปลุกบรรดาที่ปรึกษาขึ้นมาแล้วบอกว่า ข้าจะสร้างกำแพงที่ยิ่งใหญ่

ในปี 1974 ชาวนาที่กำลังขุดบ่อน้ำพบหลักฐานทางโบราณคดีที่น่าทึ่ง มันคือหลุมฝังตุ๊กตากระเบื้องพลทหาร พลธนู รถม้าศึกและม้า ทั้งหมดนี้มีขนาดเท่าของจริงและแต่ละตัวนั้นแตกต่างกันดูราวกับว่ามีต้นแบบมาจากของจริง ทุกวันนี้ตุ๊กตามากกว่า 6,000 ตัวถูกขุดขึ้นมา กองทัพกระเบื้องเคลือบที่ถูกออกแบบให้สู้ศึกเพื่อฮ่องเต้ในโลกหน้า หรือบางทีเพื่อคุ้มกันการหลับใหลชั่วนิรันดร์ในอาณาจักรของพระองค์ ในบริเวณใกล้เคียงเป็นหลุมฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของจีน หรือที่ขนานนามกันว่าปฐมกษัตริย์ ตามบันทึกที่ตกทอดสู่ราชวงศ์ต่อมา การขึ้นครองราชย์ของจิ๋นซีฮ่องเต้มีที่มาค่อนข้างคลุมเครือ พระมารดาของพระองค์เป็นนางระบำสาวเสน่ห์แรงและเป็นภรรยาน้อยของพ่อค้าเร่ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมมากพอกับความร่ำรวย ขณะที่เข้ามาค้าขายในพระราชวัง พ่อค้าขอให้เธอเต้นรำกับรัชทายาทของราชวงค์ฉิน เมื่อพระองค์ตกหลุมรักเขาก็ยกเธอให้พระองค์ โดยไม่เคยเอ่ยปากเลยว่านางกำลังตั้งครรภ์บุตรของเขาอยู่ องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์หลังขึ้นครองราชย์ไม่นาน แล้วจากนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้ก็สืบทอดบัลลังค์ตั้งแต่ยังเยาว์วัย

ขณะที่ฮ่องเต้น้อยเติบโตขึ้น พระองค์เริ่มแสดงอุปนิสัยแปลกๆ และเกิดอาการวิตกกังวล พระองค์สั่งเนรเทศพระมารดา และสั่งพระบิดาอดีตพ่อค้าที่ว่าราชการแทนในวัยเยาว์ของพระองค์ให้ฆ่าตัวตาย พระองค์เรียกโหร หมอผี และที่ปรึกษาเจ้าเล่ห์ ไร้ศีลธรรมหลายคนให้เข้ามารับใช้ใกล้ชิด ประมาณ 234 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ส่งกองทัพออกไปเพื่อพิชิตแผ่นดินจีนที่บรรพบุรุษได้เริ่มไว้ เมื่อเกิดสงครามระหว่างแคว้นก็มีแคว้นอิสระแยกตัวออกมา และท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสองแคว้น จนเมื่อ 221 ปีก่อนคริสตกาล ประเทศจีนก็รวมเป็นหนึ่งเดียว เมื่อแคว้นฉินทำลายแคว้นฉีจนได้ จิ๋นซีฮ่องเต้ประกาศว่าตนคือจักรพรรดิของแผ่นดินใหม่ที่พระองค์ตั้งชื่อว่าจีน ตามราชวงค์ของพระองค์ และรีบรวมอำนาจอย่างรวดเร็ว จิ๋นซีฮ่องเต้สร้างอาณาจักรขึ้น ซึ่งมันไม่เคยมีมาก่อน พระองค์สร้างระบบถนนภายในประเทศ พระองค์สร้างมาตรฐานให้กับอักษรจีน พระองค์รวมสกุลเงินจีนต่างๆเป็นหนึ่งเดียว พระองค์สร้างมาตรฐานให้อาณาจักร พระองค์ทำให้มันเป็นเอกภาพ พระองค์ยังสนใจเรื่องเวทมนต์ การเล่นแร่แปรธาตุอย่างเหลือเชื่อ และเชื่อว่าพระองค์สามารถเอาชนะความตายและเป็นอมตะได้ พระองค์อยากเป็นคนครองโลก

จิ๋นซีฮ่องเต้ตั้งมาตรฐานการชั่ง ตวง วัด ด้วยระบบที่มีพื้นฐานอยู่บนเลขหก อันเป็นเลขมหัศจรรย์ของพระองค์ พระองค์ประกาศว่าสีดำคือสีที่มีพลังลึกลับของพระองค์เป็นสีทางการสำหรับเสื้อผ้าและธงของอาณาจักรและสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ และออกพระราชบัญญัติว่าราชวงศ์ฉินจะปกครองตลอดไป จากนั้นพระองค์ก็ตัดสินพระทัยสร้างกำแพง ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าความคิดของการสร้างกำแพงเมืองจีนเข้ามาอยู่ในพระทัยของจักรพรรดิเมื่อใด หรือทำไมพระองค์ตัดสินพระทัยสร้างมัน ตำนานหนึ่งเล่าว่าหนึ่งในโหรของพระองค์ทำนายว่าราชวงค์ของพระองค์จะล่มสลายด้วยฝีมือของเผ่าคนเถื่อนจากภาคเหนือ ส่วนเรื่องอื่นก็เกี่ยวกับความฝัน ลางบอกเหตุ และความตั้งพระทัยของจักรพรรดิที่จะสร้างอนุสรณ์ถึงความรุ่งเรืองของพระองค์เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส

จิ๋นซีฮ่องเต้แต่งตั่งให้นายพลเม้งเทียน นายทหารผู้แข็งขันและมากด้วยความสำเร็จรับผิดชอบการสร้างกำแพง เพื่อจะแบ่งแยกผู้คนที่มีอารยธรรมจากพวกคนเถื่อน และปีศาจร้ายที่อาศัยอยู่พื้นที่ว่างเปล่าทางเหนือ  กำแพงเริ่มต้นตั้งแต่ทะเลเหลืองทางตะวันออกไปจนถึงทะเลทรายโกบีทางตะวันตก มันต้องมีความสูง 24 ฟุต และมีความกว้างมากพอที่นายทหาร 8 นายจะเดินเรียงหน้ากระดานได้ กำแพงต้องสร้างตามลักษณะภูมิประเทศตราบเท่าที่เป็นได้และต้องไม่สร้างเป็นเส้นตรง เพราะเชื่อว่าปีศาจเดินทางได้เป็นเส้นตรงเท่านั้น เทคนิคการสร้างกำแพงแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละที่ และมีกำแพงของจิ๋นซีฮ่องเต้เหลืออยู่น้อยมากจนไม่สามารถบอกได้ว่ามันถูกสร้างอย่างไร กระนั้นนักวิชาการเชื่อว่ามันถูกใช้เป็นแนวไว้สำหรับสร้างเพิ่มเติมตามรากฐานของมัน

นายพลเม้งเทียนเริ่มด้วยการสร้างหอคอยก่อน โดยสร้างจากอิฐและหินโดยมีฐานเป็นเศษหิน หอคอยเหล่านี้สูงประมาณ 40 ฟุต มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 40 ฟุต เมื่อสร้างหอคอยเสร็จแล้วมันจะถูกเชื่อมเข้าด้วยกำแพงหิน เพื่อป้องกันผู้รุกรานและปีศาจร้าย ป้อมปราการที่ใหญ่พอที่จะบรรจุทหารได้หลายร้อยนายถูกจัดวางอยู่ในระยะธนู 2 ดอก เพื่อให้สามารถคุ้มกันพื้นที่ระหว่างนี้ได้ หอคอยโผล่ออกมาจากกำแพงเหมือนป้อมปืน ดังนั้นฝ่ายป้องกันสามารถยิงใส่ผู้รุกรานได้ตลอดแนวกำแพง มีการประมาณว่าชาวแคว้นฉินภายใต้การดูแลของนายพลเม้งเทียน ก่อสร้างกำแพงใหม่หลายร้อยไมล์ส่วนที่เหลือเป็นการก่อสร้างเพิ่มจากของเดิมที่แคว้นอื่นทำไว้แล้วรวมกับของใหม่ สิ่งที่พวกเขาทำก็คือการเชื่อมกำแพงรุ่นก่อนๆที่สร้างในสมัยสงครามระหว่างแคว้น พวกเขาใช้เทคนิคการบดอัดดิน เป็นเทคนิคเดียวที่พวกเขารู้จัก ซึ่งมันไม่ได้แตกต่างจากกำแพงในยุคนีโอลีธิกส์เลย เพียงแต่มันมีขนาดที่ใหญ่กว่าเท่านั้นเอง

ในภูเขาทางทิศตะวันออก ดินแห้งถูกนำมาถมระหว่างกำแพงหินหรืออิฐจนได้ระดับที่แน่นพอเพียง จากนั้นหินหรืออิฐจะถูกนำมาเรียงทับหน้าเพื่อป้องกันฝนชะล้างและใช้เป็นถนน ห่างออกไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นหินตะกอนละเอียดที่เรียกว่าดินเหลือง คนงานจะเทดินที่ผสมกับน้ำลงในพิมพ์ไม้แล้วนำไปก่อเป็นโครงสร้างให้แข็งแรงเมื่อมันแห้งแล้ว บนพื้นที่แห้งแล้งของที่ราบฝั่งตะวันตก กำแพงถูกสร้างจากใบต้นปาล์ม ต้นกก แสม กับกรวดและโคลน ไปจนสิ้นสุดที่ริมทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เลยไปจากนั้นเป็นดินแดนที่สิงสถิตย์ของวิญญาณร้าย นายพลเม้งเทียนสร้างกำแพงเหล่านี้เสร็จภายในเวลาน้อยกว่า 10 ปี หรือเสร็จก่อน 210 ปีก่อนคริสกาล แต่เรื่องราวที่คาดการณ์เกี่ยวกับมูลค่าของมันในแง่ความทุกข์ทรมานและชีวิตที่สูญเสีย เรื่มแพร่กระจายออกไปแล้ว

แรงงานจำนวนมากมาจากการเกณฑ์ชาวนาผสมกับนักโทษ ทหารที่ถูกจับได้ ขุนนางตกยาก นักปราชญ์ และคนอื่นๆที่ถูกเรียกว่าเป็นศัตรูของอาณาจักร เป็นที่กล่าวกันว่าทุกๆสิบคนที่ถูกเกณฑ์มา มีเพียงสามคนรอดกลับบ้าน จักรพรรดิมีคำสั่งอีกว่า ใครก็ตามที่แอบหลับจะต้องถูกฝังทั้งเป็นไว้บนกำแพงนั่นเอง ความทรงจำอันแพร่หลายของการสร้างกำแพงก็คือ ชาวนาถูกกวาดต้อนมาทำงานแล้วก็ไม่เคยกลับไปอีกเลย โดยถูกใช้งานเยี่ยงทาสจนเสียชีวิตในผืนป่าที่ห่างไกล มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และมีเรื่องเล่าว่า ศพของชาวนาถูกโยนทิ้งลงไปในช่องว่างระหว่างกำแพง ซึ่งเป็นที่ใส่เศษหิน ความเลวร้ายนี้ถูกระบายออกมาผ่านบทกวีมากมาย ชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือตำนานของคุณนายเม็ง หนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่เด็กๆเรียนในช่วงยี่สิบปีแรกของการปกครองระบบสังคมนิยม เป็นเรื่องของหญิงคนหนึ่งตามหาสามีของเธอที่ถูกจิ๋นซีฮ่องเต้ส่งไปเป็นแรงงานทาสที่กำแพงนั่น แล้วเธอก็พบว่าเขาตายแล้วและอาจจะถูกฝังอยู่ในกำแพงเหมือนกับหลายๆคน ดังนั้นกำแพงจึงถูกมองว่าเป็นผลงานของความกดขี่ของระบอบขุนนาง ซึ่งถูกสร้างโดยหยาดเหงื่อของคนธรรมดาภายใต้การทารุณของทรราชย์ ขณะที่ในตอนนี้กำแพงนั้นถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของประเทศจีน ความยั่งยืนของอารยธรรมของมัน เป็นการแสดงพลังอำนาจ ประวัติศาสตร์

เมื่อการก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด หนึ่งในโหรของจักรพรรดิกล่าวว่า กำแพงจะไม่มีวันเสร็จ ถ้าไม่มีการฝังคนหนึ่งหมื่นคนทั้งเป็นในนั้น จักรพรรดิรู้สึกว่าพระองค์ไม่อาจเสียคนขนาดนั้นได้ จิ๋นซีฮ่องเต้แก้ปัญหาด้วยการหาชายคนหนึ่ง ซึ่งชื่อของเขามีตัวอักษรที่มีความหมายว่าหนึ่งหมื่นมาฝังไว้ในกำแพงแทน ประมาณกันว่ามีคนงานสร้างกำแพงหนึ่งล้านคนระหว่างการทำงานที่ยาวนานหลายปีในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีผู้เสียชีวิตมากมายจากภูมิอากาศ ความเหนื่อยล้า และความอดอยาก แม้กระทั่งทุกวันนี้ยังมีเรื่องเล่าที่ว่าศพของพวกเขาถูกฝังตรงที่เสียชีวิตอยู่ในสุสานยาวที่สุดในโลกตลอดกาล หลังจากรวมประเทศจีนเข้าเป็นหนึ่งเดียวไม่ทันถึงสิบปี การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีก โครงการสาธารณะเช่น คลอง ถนน และระบบเกษตรกรรม ได้รับการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ขณะนี้เมื่อมีกำแพงใหญ่ล้อมรอบ จิ๋นซีฮ่องเต้ทรงประกาศว่าไม่มีใครจะเอาชนะอาณาจักรของพระองค์ได้ แต่มีสุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า สูงสุดคืนสู่สามัญ

แม้ขณะที่กำแพงอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จิ๋นซีฮ่องเต้ยังคงถลำลึกลงไปในเรื่องไสยศาสตร์และความวิปลาส สองร้อยสิบสามปีก่อนคริสกาล พระองค์ตัดสินพระทัยว่าประวัติศาสตร์ควรเริ่มต้นที่พระองค์และสั่งให้เผาหนังสือประวัติศาสตร์ทั้งหมด ใครที่พบว่ามีหนังสือเหล่านี้อยู่ในครอบครองหลังการประกาศจะถูกส่งไปใช้แรงงานสร้างกำแพง หรือถูกฝังทั้งเป็น ประมาณการว่านักปราชญ์ 460 คนเสียชีวิต เมื่อบุตรชายองค์โตและเป็นรัชทายาทของพระจักรพรรดิคัดค้านนโยบายนี้ เขาก็ถูกเนรเทศให้ไปช่วยงานนายพลเม้งเทียนทางเหนือ ขณะที่จักรพรรดิมีพระชนม์มายุเพิ่มขึ้น ความลุ่มหลงกับความตายของพระองค์ก็เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้จะมีบันทึกว่าพระองค์เข้าเยี่ยมชมการก่อสร้างกำแพงของพระองค์เพียงครั้งเดียว และมีรายงานว่าพระองค์ออกเดินทางค้นหายาที่จะทำให้เป็นอมตะถึง 5 ครั้ง แต่พระองค์ก็สิ้นพระชนม์เมื่อมีอายุได้ 49 พรรษา ในการเดินทางครั้งหนึ่ง การสิ้นพระชนม์ของพระองค์อาจเกิดจากยาที่มีสารอันตรายอย่างตะกั่วหรือสารหนูที่พระองค์เสวยเข้าไปเพื่อเสาะหาชีวิตอมตะ

ราชวงค์ของพระองค์ล่มสลายด้วยน้ำมือของบุตรชายคนที่สองที่ชื่อ อู๋ไห่ การที่รัชทายาทอันชอบธรรมอยู่ระหว่างการถูกเนรเทศ ทำให้อู๋ไห่ขึ้นครองราชย์อาณาจักรฉิน พร้อมความเจ้าเล่ห์ โหดร้ายที่เหมือนพระบิดา แต่ขาดซึ่งความเข้มแข็งและความเป็นผู้นำแบบจิ๋นซี เขาสั่งขังที่ปรึกษาทั้งหมดของพระบิดา รวมทั้งนายพลเม้งเทียน ผู้ซึ่งฆ่าตัวตายหลังจากไตร่ตรองความโชคร้ายของตนและกล่าวว่า เขาสมควรตาย เพราะเขาละเมิดชี่ อันเป็นการไหลของพลังงานโลกด้วยการก่อสร้างกำแพงที่ละเมิดพื้นที่ภูเขา แม่น้ำ และพื้นที่ธรรมชาติอื่นๆ  อู๋ไห่ครองราชย์ได้เพียงสี่ปี ก่อนที่ฝ่ายกบฏจะล้มล้างเขา และประเทศจีนกลับเข้าสู่สงครามกลางเมืองอีกครั้ง ราชวงค์อันยิ่งใหญ่ที่หวังจะได้อยู่ตลอดกาล กลับได้อยู่เพียง 15 ปี นับเป็นการปกครองที่สั้นที่สุดที่เคยปกครองจีน

ด้วยความมหึมาใหญ่โตและแข็งแรงของกำแพง มันกลับไม่มีประสิทธิภาพนัก ในการป้องกันการรุกรานของเผ่าเร่ร่อนทางเหนือ เป็นที่รู้จักกันในนามทาทา ตามชื่อในสมัยกลางที่แปลว่านรก ชาวจีนกล่าวว่าพวกนี้โหดร้ายผิดมนุษย์ กินเนื้อสุนัขและม้าเป็นอาหาร และกินเลือดจากศัตรูของพวกเขา มีร่างกายแข็งแรง จิตใจเหี้ยมโหด และไม่มีใครเอาชนะได้ในสงคราม หนึ่งในพวกนั้นที่โจมตีกำแพงเมืองจีน คือผู้นำมองโกลที่เหี้ยมหาญ ผู้ซึ่งชื่อของเขามีความหมายเดียวกับความน่ากลัวทั่วอาณาจักรฉินและทั่วโลก เจงกิสข่าน

เป็นเวลากว่าพันปีหลังการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิองค์แรกที่ราชวงค์ต่อมาสร้างกำแพงเพิ่มเติมหรือปล่อยให้มันผุพัง ขึ้นกับความจำเป็นทางการทหารและบรรยากาศทางการเมืองขณะนั้น บางราชวงศ์ เช่นราชวงศ์ฮั่น ซ่อมแซมกำแพงบางส่วน ต่อเติมและสร้างกำแพงของตนเอง ราชวงศ์อื่นเช่นราชวงศ์ถัง ผู้เชื่อมั่นว่ามันเป็นเครื่องป้องกันไร้ประโยชน์และมีค่าดูแลรักษาสูงจึงปล่อยให้มันผุพังไป การล่าสังหารของเผ่าคนเถื่อนดำเนินต่อไปโดยผู้รุกรานที่ประสบชัยชนะส่วนใหญ่ที่ค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในวัฒนธรรมจีนทีละน้อย จนกลายเป็นคนจีนมากกว่าคนจีนเอง กำแพงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องความมีอารยธรรมกับพวกป่าเถื่อน แต่ความจริงแล้วกำแพงนั้นทะลุปรุโปร่ง มันถูกข้ามได้อย่างง่ายดายมาก ความคิดที่จะปิดกั้นพรมแดนนั้นไม่มีทางได้ผล ชนเผ่าเร่ร่อนจะหาทางข้ามมาได้เสมอ พวกเขาจะหารอยแตกในกำแพง บางทีคนที่คุมกำแพงก็ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาเฉยๆ หรือแม้กระทั่งในสมัยราชวงศ์หมิง ในยุครุ่งเรืองของการสร้างกำแพง ถ้าพวกนั้นไม่หาทางอ้อมไปก็เข้ามาทางประตูแล้วเดินทางไปถึงกรุงปักกิ่งนั่นเลย

ตำนานกล่าวว่าเจงกิสข่านเกิดขึ้นมาพร้อมกำก้อนเลือดไว้ในมือขวา ซึ่งเป็นลางบอกอนาคตอันนองเลือดของเขา ขณะที่เป็นหนุ่มเขาปราบปรามและรวบรวมก๊กชาวมองโกลต่างๆเข้าด้วยกันและสร้างเป็นกองทัพอันเกรียงไกร และในคริสตศักราช 1211 กองทัพมองโกลของเจงกิสข่านถาโถมเข้าใส่แผ่นดินจีนเหมือนปีศาจร้ายที่หลุดออกจากนรก ข้ามกำแพงเมืองจีนเข้ามาแล้วกระจายกำลังไปทั่วประเทศเหมือนกองทัพตั๊กแตนลงทำลายพืชไร่ พวกเขาเป็นนักรบที่เหี้ยมโหดอย่างเหลือเชื่อ มีทักษะการรบที่เยี่ยมยอด พวกเขายังใช้การทำลายขวัญและกำลังใจ เมื่อพวกเขายึดเมืองใดได้ พวกเขาจะฆ่าทุกคนทิ้ง พวกเขาต้องการให้ทุกคนเห็นว่าถ้ามีการขัดขืน ศัตรูจะต้องถูกฆ่า เจงกิสข่านกล่าวว่า สิ่งที่มนุษย์จะมีได้คือชัยชนะ เอาชนะศัตรู ไล่ฆ่าพวกมัน ปลดทรัพย์สินของพวกมัน ทำให้ครอบครัวของพวกมันต้องหลั่งน้ำตา ขี่ม้าของพวกมันและเสพสมกับเมียและลูกสาวของพวกมัน

ต้องใช้เวลา 60 ปี อันนองเลือดก่อนที่แผ่นดินจีนทั้งหมดจะตกในเงื้อมมือของมองโกลภายใต้การนำของกุ๊บไลข่านผู้เป็นหลานของเจงกิสข่าน เขาสถาปนาตนขึ้นเป็นจักรพรรดิจีนในปี 1271 ชาวมองโกลปกครองประเทศจีนต่อไปเกือบร้อยปี ประเทศจีนภายใต้การปกครองของมองโกลกลายเป็นที่พบปะของคนพลายเชื้อชาติ ระหว่างนี้เองที่มาโคโปโลเดินทางมาประเทศจีน และเป็นที่โต้เถียงกันมายาวนานว่า ทำไมไม่เอ่ยถึงกำแพงเมืองจีนในบันทึกของเขาเลย ความจริงก็คือมันเป็นไปได้ว่าไม่มีกำแพงเมืองจีนตอนที่มาโคโปโลมาเยือนประเทศจีน ระหว่างการปกครองมองโกล กำแพงของแคว้นฉินที่เหลืออยู่ได้ผุพังไปหมดแล้ว ชาวจีนไม่เคยยอมรับการปกครองของมองโกล และพวกเขามองกุ๊บไลข่านว่าเป็นเพียงคนเถื่อน แม้ว่าเขาจะทำให้มาโคโปโลและผู้มาเยือนคนอื่นประทับใจมากก็ตาม การต่อต้านจากฝ่ายกบฏเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ตัดรอนอำนาจของมองโกล จนในที่สุดในปี 1368 ชาวนาจีนคนหนึ่งนำทัพชาวจีนขับไล่มองโกลคนสุดท้ายออกจากประเทศจีนและก่อตั้งราชวงศ์หมิง

ราชวงศ์หมิงเป็นนักสร้างกำแพงที่ขยันที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ถ้าพวกเขาไม่สร้างมันขึ้นมา เราคงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกำแพงเมืองจีน สิ่งที่เรารู้ทุกวันนี้ก็คือกำแพงเมืองจีนเป็นกำแพงของราชวงศ์หมิงแน่ๆ มันแตกต่างจากกำแพงรุ่นก่อนๆ มากเลยทีเดียว การสร้างกำแพงของราชวงศ์หมิงนี้ต้องใช้ช่างอิฐและช่างตัดหินที่เชี่ยวชาญ มันแตกต่างทั้งขนาดและรูปแบบ กำแพงที่สร้างในราชวงศ์หมิงส่วนใหญ่ถูกสร้างบนรากฐานหินแกรนิตยาวถึง 14 ฟุตและหนา 3 หรือ 4 ฟุต ทั้งหมดถูกตัดและจัดวางอย่างแม่นยำเป็นระเบียบ ส่วนตัวกำแพงก็ก่ออิฐที่ทำด้วยมือสูงขึ้นไปถึง 20 ฟุต และมีทางเดินกว้าง 14 ฟุต พื้นทางเดินก็ก่อด้วยอิฐเช่นเดียวกัน ประตูที่ทางทิศตะวันออกที่เมืองชางไห่กวนถูกแต่งตั้งให้เป็นประตูแรกใต้สรวงสวรรค์ ที่ปลายฝั่งตะวันตก พวกเขาสร้างประตูหยกหรือกำแพงกันภัย ชาวหมิงสร้างอนุสรณ์และแผ่นหินสลักไว้มากมายตามทางเพื่อสรรเสริญความปราดเปรื่องและความดีของจักรพรรดิ ชื่อหนึ่งที่ปรากฏอยู่บ่อยครั้งคือชื่อของหว่านลี้ ผู้ครองราชย์สมัยศตวรรษที่ 16 มีส่วนสำคัญต่อการสร้างกำแพงเมืองจีนอย่างมาก จนคนรุ่นต่อมาคิดว่าเขาเป็นผู้สร้างดั้งเดิม แต่ไม่ว่ากำแพงของหว่านลี้จะทรงพลังเพียงใดก็ไม่อาจยับยั้งนักล่าของเผ่าที่แข็งแกร่งจากแมนจูเรียผู้ซึ่งกำลังจ้องมองดินแดนอุดมสมบูรณ์ทางใต้ด้วยความปรารถนา

ความหมกมุ่นเกี่ยวกับกำแพงของชาวหมิงกลายเป็นเกราะป้องกันทางจิตใจต่อพวกมองโกล แต่ในเมื่อแนวป้องกันทางทหารมันไม่ค่อยดีนัก ก่อให้เกิดอำนาจจิตแบบในหนังสตาร์วอร์ว่าบางทีพวกเขาก็ต้องหาทางแม้ว่าจะมีการสูญเสียอย่างมาก หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจของกำแพงก็คือมันสิ้นเปลืองอย่างมากที่จะตรึงกำลังทหารไว้ที่นั่นและคอยส่งเสบียงไปให้พวกเขา มีเรื่องเล่าว่าถ้าต้องขนเกวียนข้าวไปที่กำแพงเมืองจีน 60 เกวียน คุณต้องกินข้าวจากเกวียน 59 เกวียน เหลือเพียง 1 เกวียนที่ขนมาถึง จึงนิยมให้มีทหารอยู่ใกล้กำแพงให้พวกเขาปลูกข้าวเลี้ยงชีพตนเอง แต่คนที่ถูกส่งไปที่นั่นก็ไม่มีความสุขกับมันอย่างมาก พวกเขาต้องถูกส่งไปอยู่ตลอดชีวิต แต่ก็มีบางคนที่ตั้งรกรากได้ พวกเขาพูดภาษาชนเผ่าได้ พวกเขาเข้ากับพวกมองโกลได้ดี

พวกเขาค้าขายกัน ถ้าพวกมองโกลอยากจะเข้ามาในกำแพงที่คนเหล่านี้ควรจะป้องกันมันอยู่ ก็แลกด้วยการติดสินบนเล็กๆน้อยๆ การกระทำเช่นนี้เป็นจุดอ่อนเล็กๆ ที่จะนำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์หมิง พวกคนที่ถูกส่งไปไม่ใช่ชาวนาที่เก่ง แล้วดินแถวนั้นก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาต้องอดอยาก และเมื่อสิ้นยุคหมิง นิคมทหารก็เริ่มกลายเป็นคนเถื่อนเสียเอง และก็เป็นเพราะคนเหล่านี้ที่ทำให้ชาวแมนจู 150,000 คน เอาชนะคนจีน 150,000,000 คนได้ ชาวแมนจูเข้ายึดปักกิ่งได้ในปี 1644 และปกครองประเทศจีนจนถึงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อจักรพรรดิแมนจูคนสุดท้ายเป็นเด็กชายชื่อปูยีถูกล้มล้างในการปฏิวัติในปี 1912 มันเป็นเรื่องน่าอายมากที่ประเทศจีนถูกโจมตีและยึดครองถึงสองครั้งโดยพวกคนเถื่อนทั้งพวกมองโกลและพวกแมนจูที่อยู่นอกกำแพง มันใช้งานไม่ได้ หมาจิ้งจอกหลุดเข้ามาในเล้าไก่แล้ว ทุกอย่างมันหยุดไม่ได้

เมื่อถึงศตวรรษที่ 19 ต้นศตวรรษที่ 20 กำแพงเมืองจีนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เมื่อชาวตะวันตกมาเมืองจีนเป็นครั้งแรก พวกเขาประทับใจมาก เมืองมีชีวิตชีวา สิ่งต่างๆรุ่งเรือง ขณะที่ชาวตะวันตกรู้สึกชื่นชมสิ่งก่อสร้างนี้ ชาวจีนเองกลับมองว่ามันเป็นเครื่องเตือนใจของการกดขี่ของระบอบศักดินาและความล้มเหลวทางการทหาร และในพื้นที่ห่างไกล การทำที่พักเป็นเรื่องยากและวัสดุก่อสร้างที่ขาดแคลน พวกชาวนาที่อยู่ใกล้กำแพงจึงสกัดชิ้นส่วนก้อนหินจากกำแพงมาสร้างเป็นบ้าน นั่นแสดงว่าพวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับมันเลย เมื่อช่วงศตวรรษที่ 30-40 ญี่ปุ่นบุกจีน มีการรบสำคัญหลายครั้งเกิดขึ้นตามแนวกำแพง ต่อมาหลังการปฏิวัติของพวกกลุ่มสังคมนิยมนำโดยประธานเหมาเจ๋อตุงในปี 1949 มีการฟื้นฟูกำแพงสั้นๆและทำในส่วนที่ได้ความเสียหายอย่างหนักจากสงคราม  และต่อมาในสมัยของเติ้งเสี่ยวผิงได้มีการบูรณะกำแพงอีกครั้ง และเขากล่าวว่าขอให้พวกเรารักชาติและช่วยกันบูรณะกำแพงอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง


จัดอันดับ
สยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ

5 สุดยอดร้านสุกี้ทั่วกรุง 5 สุดยอดร้านโจ๊กในกรุงเทพ 50 อาหารแปลกแต่ขายดีของญี่ปุ่น 101 เมนูซูชิ 5 สุดยอดร้านกระเพาะปลาในกรุงเทพ อาหาร 100 อย่างตามทางรถไฟสายยามาโนเตะ อาหารเวียดนาม ขนมไทยโบราณที่น่าจดจำ และ ขนมไทยมงคล ๙ อย่าง 30 อันดับขนมหวานเมืองคามาคูระประเทศญี่ปุ่น อาหารประเทศอาเซียน 7 ขนมหวานยอดฮิตของเยอรมัน  อาหารลาว 10 สายพันธุ์งูน่าทึ่ง 25 สถานที่ดำน้ำทั่วโลก 25 สัตว์น้ำรูปร่างหน้าตาประหลาด ไขปริศนาใครคือแจ๊คเดอะริปเปอร์ (Jack The Ripper) 20 พืชผักแปลกสายพันธุ์เก่าแก่ 10 อันดับสัตว์มีพิษ ตำนานธอร์ (Thor) เทพสายฟ้า 10 อันดับสัตว์สถาปนิก 15 สัตว์โลกสวยงามที่ใกล้สูญพันธุ์ เปิดแฟ้มลับชีวิตรัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) เห็ดมีพิษ 10 อันดับฆาตกรเด็ก 10 อันดับสัตว์ผีดูดเลือด 10 อันดับสัตว์แปลกที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุด 10 เกมส์ดีที่โลกควรรู้จัก ช่วยฝึกสมอง เด็กเล่นได้ไม่รุนแรง แนะนำ Android Games Cloud Computing http://megatopic.blogspot.com/2013/08/20-90s.html http://megatopic.blogspot.com/2013/12/dead-island-riptide.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post_2.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/application-iphone-ipad-1.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_866.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/101.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/application-iphone-ipad-1.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/botox-filler.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_8739.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_8.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/great-wall-of-china.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_3921.html http://megatopic.blogspot.com/2013/10/blog-post_24.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_8781.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_23.html http://www.blogger.com/%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7...%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_19.html http://megatopic.blogspot.com/2013/10/blog-post_6477.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/butterfly-pea.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_7684.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_6.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_27.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/nikita-khrushchev.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_16.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_3574.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/8.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_22.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_954.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_28.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post_17.html http://megatopic.blogspot.com/2013/11/2-tasty-too.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_22.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/10.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/7.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_4.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_7834.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/stephen-hawking.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/10_13.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/10_27.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/10.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_14.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/acerola-cherry.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_18.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/albert-einstein.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_30.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_26.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post_6378.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post.html http://megatopic.blogspot.com/2013/10/blog-post_28.html http://megatopic.blogspot.com/2013/11/blog-post_24.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/apache-helicopter.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_7038.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/25_22.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_20.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_28.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_4929.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_18.html