10 สุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค

เรื่องราวของประสบการณ์ประหลาด จิตวิญญาณ ภูตผีปีศาจ สิ่งเร้นลับที่ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงผีขึ้นมาเมื่อไหร่ หลายคนคงหยุดนิ่งพร้อมกับความรู้สึกเสียวสันหลังวูบ เพราะไม่อยากเจออย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะหลายคนก็เคยสัมผัสความสยอง จนถึงขั้นเอามาเล่าสู่กันฟังแบบสดๆ หน้าไมค์ในรายการเดอะช็อค รายการวิทยุสดที่นำเสนอเรื่องผี วิญญาณและสิ่งเร้นลับ โดยเปิดสายให้คนทางบ้านมาเล่าประสบการณ์สยองของตัวเอง รายการนี้มีดีเจที่เชี่ยวชาญเรื่องผีชื่อดังอย่างพี่ป๋อง กพล ทองพลับ และทีมงานที่ดำเนินรายการตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมากับเรื่องเล่านับหมื่นเรื่อง และบางเรื่องยังโด่งดังขนาดนำไปสร้างเป็นภาพยนต์อีกด้วย เรื่องที่ถูกเล่าในรายการเดอะช็อคเรื่องใดที่เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มาดูกัน

ผี, เรื่องผี, สยองขวัญ, เรื่องเล่าสยองขวัญ, เรื่องเร้นลับ, เรื่องเล่าผี

อันดับที่ 10 ลองของผีที่บ้านร้าง
เรื่องนี้แฟนรายการเดอะช็อคชื่อคุณต้นไปลองของที่บ้านร้างแถวชานเมืองที่หนึ่ง เป็นหมู่บ้านที่ปล่อยร้างไว้นานมาก เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น คุณต้นไปลองของกับเพื่อนประมาณ 6-7 คน ขับรถกระบะกันเข้าไป พอขับเข้าไปถึงที่บ้านหลังนี้ ทุกคนกลับมีความรู้สึกว่าไม่อยากเข้าไปแล้ว รู้สึกกลัวกัน เพราะด้วยบรรยากาศด้วยอะไรหลายๆ อย่าง แต่ด้วยที่ว่าตัดสินใจมากันแล้วก็ลองเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน ก็ขึ้นไปกัน พอขึ้นไปปุ๊บ ที่ข้างหน้าประตูเนี่ยมันล็อค มันเข้าไม่ได้ ก็เลยพยายามปีนขึ้นไปบนชั้นสอง ตอนแรกเพื่อนคุณต้นปีนขึ้นไปก่อน ปรากฏว่าเพื่อนรีบกระโดดลงมาจากชั้นสองแล้วบอกว่ากลับกันดีกว่า คุณต้นเห็นอาการของเพื่อนแทนที่จะกลัว กลับอยากรู้ว่าเพื่อนไปเห็นอะไร ก็เลยขึ้นไปดูบ้าง พอขึ้นไปคุณต้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ อีกฟากหนึ่งของห้องที่มีกระจกไฟเบอร์กลาสกั้นอยู่ คุณต้นก็คิดว่าตัวเองตาฝาด ก็ขยี้ตาก็ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นเลื่อนมาอยู่ที่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ก็รีบวิ่งลงมาหาเพื่อนที่รออยู่และพากันกลับ พอออกรถก็รู้สึกว่ามีบางอย่างติดอยู่ที่ล้อรถ ก็ลงมาดูกัน พอหยิบดูก็พบว่าเป็นเส้นผมกระจุกใหญ่ แถมตอนออกมาที่ทางออกของหมู่บ้าน ผู้หญิงคนหนึ่งก็ยืนขวางทางอยู่อีกด้วย ก็ขับฝ่าออกมากันด้วยความระทึก

อันดับที่ 9 บ้านเราเองแท้ๆ
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดระยอง เป็นเรื่องของพี่กุ้งที่โทรมาเล่าให้ฟัง พี่กุ้งนี่ไปเรียนต่างประเทศมาซึ่งที่บ้านเขานี่ค่อนข้างจะมีตังค์ ก็เป็นบ้านใหญ่ คุณพ่อเขาเนี่ยปลูกบ้านไว้หลายหลัง ก็พอกลับไป พ่อเขาก็ยกบ้านหลังนี้ให้อยู่ พอไปอยู่แรกๆ ก็เจอเลย ในบ้านจะมีเตียงนอนที่ไปซื้อมือสองมา เป็นเตียงไม้ใหญ่ๆ แล้วในตอนที่นอนนี่เหมือนมีผู้ลายคนหนึ่งมายืนอยู่ปลายเตียง แล้วก็บอกว่าเอาที่กูคืนมา บอกอย่างนี้อยู่หลายคืน แล้วทีนี้พอคืนหลังๆ เนี่ยหลังจากผู้ชายแล้วก็มีผู้หญิงเข้ามาด้วย ผีผู้ชายจากที่ยืนอยู่ปลายเตียงก็เริ่มมานั่งคร่อมบนตัว แต่ผีผู้หญิงนี่แปลก ไม่ได้ยืนใกล้ๆ แต่ยืนอยู่ที่หน้าห้อง ตาแดงๆ และชี้หน้าด้วยความโกรธ ใส่ชุดคลุมท้องด้วย ซึ่งพี่กุ้งจะเจอผู้หญิงคนนี้บ่อยมาก จนทนไม่ไหวไปบอกคุณพ่อ คุณพ่อเขาก็เลยนิมนต์พระมาทำพิธี หลังจากทำพิธีแล้ว ผีผู้ชายหายไป เหลือแต่ผีผู้หญิง ซึ่งไม่ยอมไปซะที ทั้งๆ ที่ทำบุญให้แล้ว หลังจากนั้นก็เจอหนักขึ้นๆ บางทีนอนๆ อยู่ในห้องแล้วประตูหเองก็เปิดไปเห็นห้องโถงข้างหน้าเห็น ผี ผู้หญิงยืนชี้หน้าอยู่ ซึ่งในภายหลังน้องของพี่กุ้งได้โทรเข้ามาในรายการบอกว่าเขาพาเพื่อนที่ท้องมาอาศัยที่บ้านหลังนี้เนื่องจากพ่อไม่ยอมรับ แต่ก็เสียชีวิต ตายทั้งกลมอยู่ที่บ้านหลังนี้

อันดับที่ 8 เช่าแสนถูก
พี่ผู้ชายคนที่โทรมาเล่านี้ช่วงนั้นแกฐานะไม่ดีก็เลยไปหาบ้านเช่าถูกๆ แกก็อยู่กับแฟน เวลาที่อยู่บ้านหลังนี้เขาจะเจอกับผีผู้หญิงคนหนึ่ง แบบกำลังเคลิ้มๆ กึ่งหลับกึ่งตื่น ผีผู้หญิงคนนี้จะมาบอกให้ช่วย และสุดท้ายก็บอกว่าถ้าอยากเจอเขาให้ไปดูที่ข้างบ้านสิ พี่ผู้ชายคนนี้ทนไม่ไหวแกเลยไปขุดดูที่ข้างบ้าน ก็พบเป็นศพผู้หญิงคนนั้นนอนคุดคู้อยู่จริงๆ ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ถูกฆาตกรรมโดยชายคนรักที่พอฆ่าเธอแล้วก็ลากศพไปฝังไว้ที่ข้างบ้าน และต่อมาผีผู้หญิงคนนั้นก็มาให้โชคให้พี่เขาถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่อีกด้วย

อันดับที่ 7 ผีเข้ากลางรายการ
วันนั้นมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อพี่น้ำมนต์ อายุแกก็เยอะแล้วล่ะ แกโทรศัพท์มาเล่าในรายการเดอะช็อค โดยตั้งชื่อเรื่องว่า "เค้าหาว่าเราเป็นผี" คือเหมือนกับว่าตัวของเขาานั้นมีสองร่าง มีตัวเค้าเองกับมีอะไรก็ไม่รู้มาคอยสิงอยู่ พี่เค้าโทรมาเล่าโดยที่ตอนแรกแกก็เกริ่นก่อนนะว่าถ้าเกิดพี่คุยไปแล้วพี่มีอาการอะไรแปลกไปก็อย่าตกใจนะ แล้วแกก็เล่าต่อว่าแกมักจะมีอะไรไม่รู้เข้ามาสิง แล้วช่วงเวลานั้นแกจะไม่รู้ตัว หรือบางทีมีคนเห็นว่าตัวพี่น้ำมนต์นั้นมักจะคุยอยู่คนเดียว คุยกันไปคุยกันมาแต่เป็นสองเสียง เหมือนเป็นการแบ่งบุคลิกกัน จนกระทั่งที่พี่เขาเล่าไปถึงกลางเรื่อง สักพักนึง พี่เขาก็เงียบ แล้วก็กลายเป็นเสียงหัวเราะ แล้วก็พูดว่าเขาไม่ใช่คุณน้ำมนต์ เขาเป็นพญานาค ที่เข้ามาอยู่ในตัวพี่น้ำมนต์ เพราะพี่เขาเนี่ยเป็นคนที่บาปเยอะ ต้องเข้ามาสิงเพื่อพาไปบำเพ็ญเพียรทำความดีไถ่บาป จนสุดท้ายแกก็เงียบหายไปแล้วก็กลับมาเป็นพี่น้ำมนต์อีกครั้ง


อันดับที่ 6 กระจกโบราณ
เหตุการณ์นี้เกิดที่จังหวัดนนทบุรี ที่อาคารพาณิชย์สี่ชั้นของครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวใหญ่ คนที่โทรมาเล่านี้ชื่อคุณเปิ้ล คุณเปิ้ลโทรมาเล่าว่าที่บ้านอาคารพาณิชย์หลังนั้นมีพี่สาวกับพี่เขยอาศัยอยู่ แล้วก็หลานอีกสองคนผู้ชายกับผู้หญิง ตัวพี่เขยเนี่ยชอบไปซื้อกระจกเก่าๆ ที่เป็นกระจกโบราณเนี่ยมาเก็บไว้ พอพี่เปิ้ลมาอยู่ด้วยก็มักจะได้ยินหลานชายเค้าซึ่งเป็นโตเป็นหนุ่มวัยรุ่นแล้วคุยอยู่กับใครก็ไม่รู้ทุกคืน ซึ่งพี่เปิ้ลเขาสงสัยมาก พอถามหลานชายว่าคุยกับใคร หลานก็ไม่อยากจะบอกแล้วก็เฉไฉไปโรงเรียนเลย ด้วยความที่อยากรู้พี่เปิ้ลก็เลยเดินขึ้นชั้นสองเพื่อจะไปดูที่ห้องของหลานชาย ระหว่างที่ขึ้นบันไดพี่เปิ้ลก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินจูงมือเด็กแล้วเดินหายเข้าไปในห้องของหลานชาย

อันดับที่ 5 เด็กพิเศษ
เรื่องนี้คนที่โทรศัพท์มาเล่าชื่อว่าคุณกร เขาเล่าว่าช่วงปิดเทอมเขาได้ไปพักที่บ้านญาติที่จังหวัดลพบุรี บังเอิญเขาไปรู้จักกับเด็กคนหนึ่ง เป็นเด็กพิเศษมีชื่อเล่นว่าอ๋อง แต่คนแถวนั้นเขาจะเรียกอ๋องกันว่า "เอ๋อ" ซึ่งบางคนในละแวกนั้นจะค่อนข้างกลัวและไม่อยากให้เข้าใกล้เด็กๆ เพราะคิดว่าอ๋องเป็นคนบ้าสติไม่ดี ครั้งแรกที่กรได้เจอและพูดคุยกับอ๋องนั้นก็เป็นบริเวณหน้าวัดที่อ๋องอาศัยอยู่ ซึ่งกรนั้นพอรู้จักชื่ออ๋องว่าบ้างก็ทักว่า อ้าว อ๋อง ไปไหนๆ คือเด็กพิเศษเวลาที่เขาพูด เข้าจะพูดสั้นๆ อ๋องชี้ไปที่จักรยานแล้วก็บอกว่า มันเสียๆ กรก็ปลอบใจอ๋องและพาอ๋องไปซ่อมรถจักรยานและเป็นจุดเริ่มต้นความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ เมื่อกรสนิทกับอ๋อง ความพิเศษของอ๋องก็ถูกถ่ายทอดมาให้กรรับรู้มากขึ้น

มีอยู่วันหนึ่งคุณกรมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อว่าคุณเก่ง ซึ่งอ๋องกับคุณเก่งไม่เคยเห็นหรือรู้จักกันมาก่อน พอเก่งมาเยี่ยมหากรที่บ้านและอ๋องก็อยู่ด้วย อ๋องเห็นหน้าเก่งก็ชี้ไปที่หน้าของเก่งแล้วบอกว่า "เมีย" หลังจากนั้นประมาณสองสามชั่วโมงก็มีโทรศัพท์มาถึงคุณเก่งว่าภรรยาของเก่งที่ทำงานอยู่ที่โรงงานเย็บผ้านั้นได้รับอุบัติเหตุโดยจักรเย็บเข้าไปที่มือ ทุกคนในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่อ๋องพูดทักเก่งแต่อย่างใด แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ทั้งหมดจึงมาเรียบเรียงดูความแปลกประหลาดที่เกี่ยวกับอ๋องนี้ ส่วนเก่งนั้นมีอาชีพที่เกี่ยวกับมูลนิธิอาสาสมัคร พอเก่งไม่ว่างต้องดูแลภรรยาเลยวานให้กรนั้นไปทำหน้าที่แทนระยะหนึ่ง โดยให้ทำงานคู่กับชาติที่เป็นคู่หูอาสาสมัครของเก่ง อยู่มาวันหนึ่งก็ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถชนกัน เมื่อไปถึงพบว่าเป็นเหตุการณ์รถพ่วงชนกับรถกระบะ แล้วรถกระบะก็ไถลไปชนกับมอเตอร์ไซค์อีกคันหนึ่ง จากเหตุการณ์นีเทำให้คนขับมอเตอร์ไซค์เสียชีวิตและหัวขาดหาหัวไม่เจอ กรกับชาติก็ลงไปช่วยกันหาหัวของศพตรงบริเวณที่เกิดเหตุ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ สักพักอ๋องก็พูดออกมาว่าล้อๆ กรเอะใจจึงเอาไฟฉายไปส่องหาที่ล้อรถบรรทุก ก็พบว่าหัวของศพติดอยู่ที่ร่องล้อจริงๆ ก็แปลกใจกันว่าอ๋องรู้ได้ยังไง

จนกระทั่งมาถึงเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด วันหนึ่งกรไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนและฝากสร้อยทองไว้กับอ๋องที่นั่งเล่นอยู่ข้างสนาม พอเตะบอลเสร็จก็เดินมาข้างสนามตรงที่อ๋องอยู่ก็พบว่าอ๋องหายไปไหนก็ไม่รู้ ซึ่งตัวคุณกรนั้นก็ไม่ได้คิดว่าอ๋องจะขโมยทองไปหรืออะไร เพียงแต่สงสัยว่าอ๋องหายไปไหนเท่านั้น จนกระทั่งกรต้องมาเข้าเวรของมูลนิธิพร้อมกับชาติ ระหว่างที่นั่งรถตรวจตรากันอยู่นั้นก็เจอเหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งเดินอยู่ข้างถนน พอขับรถเข้าไปใกล้ก็พบว่าเป็นอ๋องที่ตัวเปียกอยู่ พอเข้าไปถามอ๋องก็บอกว่าหนาว ก็เลยพาตัวอ๋องมาเพื่อที่จะไปส่งที่บ้าน พอขับรถไปได้สักพักหนึ่ง อ๋องก็ทุบรถแล้วบอกให้หยุด พอจอดรถได้สักพักหนึ่ง ข้างหน้าก็เกิดเหตุการณ์รถสิบล้อชนประสานงากับรถบัสต่อหน้าต่อตากร ชาติ และก็อ๋อง พอช่วยเหลือเก็บกวาดอุบัติเหตุนี้แล้วก็เดินกลับกันมาที่รถ อ๋องก็ไม่อยู่ซะแล้ว ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าอ๋องคงจะเดินกลับบ้านไปเอง

พอรุ่งเช้ากรก็มานั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน และเปิดดูช่องเก็บที่กรมักจะเอาขนมมาใส่ไว้ให้อ๋องกิน ก็พบกระดาษทิชชู่ที่ห่อสร้อยทองที่กรฝากอ๋องตอนเตะบอล สักพักหนึ่งมีคนวอแจ้งว่ามีคนจมน้ำตาย พอกรขับรถไปดูก็พบว่าศพที่จมน้ำเป็นศพของอ๋องที่คาดว่าน่าจะตายตั้งแต่ตอนที่กรเตะบอลอยู่ เพราะช่วงเวลานั้นมีกลุ่มเด็กเล่นน้ำอยู่แล้วมีเด็กคนหนึ่งจมน้ำ อ๋องก็โดดลงไปช่วยทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นและเพิ่งจะพบศพตอนเช้านี้เอง

อันดับที่ 4 แฟนเก่า
เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งโทรมาเล่า เรื่องของเรื่องเขามีแฟนแล้วก็มีนิสัยคล้ายๆ กันคือไม่ค่อยพูด และเนื่องจากเป็นช่วงที่ย้ายที่ทำงานใหม่จึงสนใจแต่เรื่องงานเพราะอยู่ในช่วงทดลองงาน แต่ตัวผู้ชายก็พอรู้อยู่บ้างว่าแฟนสาวของเขานั้นกินยาเยอะมาก พอถามแฟนเขาก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร เป็นแค่วิตามินบำรุงธรรมดา ตัวเขาก็ไม่ได้จะซักไซร้อะไรมากเพราะด้วยความที่ก็ยุ่งเรื่องงาน ก็ได้แต่บอกว่าตัวเองจะกินอะไรมากมายเนี่ย เดี๋ยวจะติดเอานะ จนมาช่วงหนึ่งตัวผู้ชายนั้นทำงานหนักมาก จนนอนที่ออฟฟิศเลย อยู่ไปเรื่อยๆ เขาเอะใจว่าพักนี้แฟนสาวของเขาไม่โทรมาหาเลย โทรไปก็ไม่รับสายจนกระทั่งปิดเครื่องไปเลย แต่ในระหว่างนี้เวลาที่เขากลับบ้านจะพบว่าเหมือนกับมีใครมาทำกับข้าวและซื้อของกินไว้ให้เขา แต่สุดท้ายเมื่อติดต่อไม่ได้จึงตัดสินใจเดินทางไปที่บ้านของแฟน พอไปถึงได้คุยกับพ่อและแม่ของแฟนก็ได้รู้ว่าแฟนเสียชีวิตไปแล้วเมื่อสามอาทิตย์ก่อนเพราะป่วยเป็นลูคีเมีย

เมื่อรู้ว่าแฟนตัวเองตายไปเมื่อสามอาทิตย์ที่แล้วโดยที่ไม่รู้อะไรเลย และด้วยความที่เสียใจที่ไม่ได้ดูแลแฟนเลย แต่ก็ฝืนกลับมาทำงานและใช้ชีวิตต่อให้ได้ เมื่อกลับมาทำงาน เขากลับมีความรู้สึกว่าเหมือนกับมีกับข้าวอยู่ในตู้เย็นยังกับตอนที่แฟนเขายังอยู่ ด้วยความสงสัยเขาเลยไปถามยามกับแม่บ้านที่ดูแลอพาร์ทเม้นต์ว่ามีใครเข้ามาที่ห้องของเขามั้ย ยามกับแม่บ้านก็บอกตรงกันว่า ก็แฟนคุณไง ซื้อกับข้าวมาทำทุกวันเลยแล้วประมาณซักเที่ยงคืนตีหนึ่งแฟนเขาก็กลับ เขาเลยไปปรึกษากับเพื่อน เพื่อนแนะนำว่าถ้าอยากพิสูจน์ว่าแฟนของเขายังไม่ไปไหนจริง ให้เอาแป้งฝุ่นโรยให้ทั่วห้อง

พอตื่นเช้ามาเขาก็ไปดูที่พื้นก่อนว่ามีรอยเท้ามั้ย ก็พบว่าไม่มีรอยอะไร แต่กลับปรากฏรอยเหมือนมีคนเอาแขนมาพาดไว้บนตัวของเขา พอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนคนอื่นฟัง ทุกอย่างมันก็เฉลยหมดเลยว่า มีอยู่วันหนึ่งที่เป็นวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง ทุกคนเห้นเหมือนกันหมดเลยว่าแฟนสาวของเขามาด้วยโดยนั่งอยู่ในรถ มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้แน่ใจว่าแฟนของเขายังไม่ไปไหน สุดท้ายเขาจึงจะบวชให้แฟน จนกระทั่งตอนสึก เจ้าอาวาสก็มาบอกกับเขาว่า โยม ที่โยมมาบวชเนี่ย เขารู้นะ วันที่โยมกำลังจะเดินเข้าโบสถ์ เขามาจับชายผ้าเหลืองโยมอยู่นะ

อันดับที่ 3 กระดานอาถรรพ์
คุณเบิร์ดเป็นคนโทรมาเล่าว่า เขาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนว่าพ่อของเพื่อนเสียชีวิต ก็เลยรวมกลุ่มกันจะไปงานศพ บังเอิญว่ามีเพื่อนคนหนึ่งเพิ่งกลับมาจากทำงานและตรงดิ่งมาที่วัดโดยที่ไม่ได้เตรียมชุดดำมาด้วย เพื่อนคนนี้ก็เดินหายไปสักพักหนึ่งก็กลับมาพร้อมกับปลอกแขนสีดำ ซึ่งไปแกะมาจากพวงหรีด ด้วยความที่เฮฮากันตามประสาเพื่อนๆ และปากไม่ค่อยเป็นมงคล เพื่อนคนนี้ก็พูดขึ้นมาว่า งานศพทำไมต้องเป็นกระเพาะปลาวะ ถ้าเป็นงานเรานะจะจัดอาหารให้แบบดีๆ เลย เพื่อนคนอื่นก็ทักกันว่าทำไมพูดอย่างนั้น ก็คุยกันไป ระหว่างที่รอแท็กซี่กันอยู่ ก็หันไปเห็นกระดานงานศพ ด้วยความคะนองก็เลยเขียนชื่อจริง นามสกุลจริงของตัวเองลงไปในกระดานพร้อมวันเผาเสร็จสรรพ ด้วยความที่เขาเป็นคนห้าวๆ กับเพื่อนก็เลยหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาเปิดว่าให้ตรงกับวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดเพื่อที่เพื่อนๆ จะได้มางานได้

เวลาผ่านไปสักพักจนวันหนึ่งเพื่อนคนนี้โทรมาคุยกับคุณเบิร์ดว่าพักนี้เขานอนไม่ค่อยหลับและมักจะฝันว่ามีใครก็ไม่รู้พาเขาไปยังสถานที่หนึ่ง เหมือนเป็นศาลาๆ หนึ่ง แล้วที่หน้าศาลาจะมีผู้ชายผมขาวๆ ซึ่งในฝัน เพื่อนได้เข้าไปคุยกับชายคนนี้ แต่ชายคนนี้ก็นั่งเฉยๆ ไม่ยอมพูดจากับเขาเลย คุณเบิร์ดเห็นเพื่อนไม่สบายใจก็เลยชวนให้เพื่อนไปนอนที่บ้านจะได้คุยปลอบเพื่อนไม่ให้คิดมาก จนเวลาผ่านไป มีอยู่วันหนึ่งคุณเบิร์ดได้รับโทรศัพท์จากญาติของเพื่อนคนนี้ว่าเพื่อนล้มหน้าห้องน้ำและอาการหนัก พอไปเยี่ยมก็พบว่าเพื่อนปอดแฟบและสุดท้ายก็เสียชีวิต พอจะจัดงานศพก็หาวัดไม่ได้จนสุดท้ายกลับไปได้วัดเดียวกับที่พ่อของเพื่อนที่ตายก่อนหน้านี้

อันดับที่ 2 สาวชุดดำ
เรื่องสาวชุดดำเนี่ยเป็นเหมือนกับตำนานของเดอะช็อคก็ว่าได้ เพราะมีคนเจอและมาเล่าในรายการค่อนข้างบ่อย ส่วนมากที่จะไปเจอก็จะเป็นถนนเส้นประชาอุทิศ รัชดา ลักษณะที่เจอก็คล้ายๆ กันว่าเป็นผู้หญิงสองคนมายืนรอ เหมือนรอรถ และใส่ชุดสีดำที่เหมือนเพิ่งกลับจากไปเที่ยวย่านนั้น คนที่เจอและโทรมาเล่าก็จะเป็นแท็กซี่เป็นส่วนใหญ่ ส่วนเรื่องที่พีคที่สุดนั้นมีนักเที่ยวคนหนึ่งโทรมาเล่าให้ฟังในรายการ เขาไม่เคยฟังเดอะช็อคมาก่อน เขาเล่าว่าคืนวันที่เจอนั้นเขาไปเที่ยวกลางคืนเสร็จ ขากลับขับรถกลับมาคนเดียว มีผู้หญิงสองคนใส่ชุดสีดำ เหมือนสองคนนี้จะเป็นพี่น้องกันด้วยนั้นโบกรถเขาอยู่ ตามประสาหนุ่มนักเที่ยวเห็นสาวโบกรถก็เลยจอดรับ คนนึงนั่งหน้า อีกคนนั่งหลัง

ระหว่างนั้นเขาก็คุย เท่าที่จำได้คือคนข้างหน้าที่นั่งคู่เขาคุยกันแบบถามคำตอบคำ ส่วนคนข้างหลังนั้นเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย จนกระทั่งขับรถมาเกือบจะถึงวัดเสมียนนารีนั้นก็จอดติดไฟแดงและมีรถไฟผ่านมาพอดี เวลาตอนนั้นประมาณตีสามถึงตีสี่ ถนนตอนนั้นเงียบมาก มีรถของเขาจอดติดรถไฟอยู่คันเดียว ระหว่างที่ที่กั้นรถไฟกำลังจะยกขึ้น เขาหันไปดูที่เบาะข้างคนขับก็พบว่าไม่มีใคร หันไปดูที่เบาะหลังก็ไม่มีใครอีกเหมือนกัน มองไปมองมามองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนกระทั่งมองผ่านกระจกไปด้านหน้าก็เจอผู้หญิงทั้งสองคนที่เมื่อกี้นั่งรถของเขาอยู่ ไปนอนคลานอยู่ที่รางรถไฟ โดยที่ผู้หญิงคนหนึ่งตัวขาดครึ่งท่อน และอีกคนพยายามตะเกียกตะกายมาหา เขาตกใจมากสลบคารถไปเลย พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลโดยสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่ามีตำรวจมาส่ง และทุกวันนี้เขาเป็นโรคหัวใจ ผีสาวชุดดำที่กลายเป็นตำนานนั้นเพราะไม่ได้มีคนเห็นเพียงแค่คนเดียว มีแท็กซี่เจอผู้หญิงสองคนนี้บ่อยมาก มีการให้เงินโดยสารกันจริงๆ พอมาเปิดดูเงินก็กลับกลายเป็นเศษใบไม้ ดอกไม้จันทร์

อันดับที่ 1 ผีช่องแอร์
เป็นเรื่องจากแฟนรายการคนหนึ่งชื่อว่าคุณบิว เป็นนักดนตรี วันหนึ่งเขาไปเล่นดนตรีที่หาดใหญ่ พอเล่นเสร็จก็กลับมาที่ห้องพักของโรงแรม ก็นั่งสังสรรค์ดื่มกินกันเหมือนทุกครั้งที่ไปเล่นดนตรีด้วยกัน มีเพื่อนคนหนึ่งเดินมาแถวๆ หน้าประตู ที่ข้างบนเป็นช่องแอร์ที่ไม่มีฝาปิด เพื่อนคนนี้ก็ยืนมอง คนอื่นก็ถามว่ามองอะไรวะ เพื่อนคนนั้นกลับไม่พูดไม่จาอะไร เดินออกจากห้องไปเลย เพื่อนอีกคนสงสัยว่าเพื่อนคนนั้นเป็นอะไร เมาหรือเปล่า ก็เลยเดินออกไปตามดู ก่อนออกจากห้องก็แหงนมองดูที่ช่องแอร์นี้เพราะเห็นเพื่อนมองก็เลยมองบ้าง พอแต่ละคนมองก็มีอาการเหมือนกันหมดคือพอแหงนมองช่องแอร์นี้ปุ๊บก็เดินออกจากห้องไปทันที จนสุดท้ายเหลือแต่คุณบิวคนที่โทรมาเล่า แกสงสัยว่าเป็นอะไรกันไปหมด แกก็เลยเดินออกมาดูบ้าง

พอเดินมามองเขาก็เห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเบียดตัวเองอยู่ในช่องแอร์นี้แล้วห้อยหัวลงมา เขาก็รีบเดินออกมาที่ล็อบบี้ของโรงแรมก็พบว่าเพื่อนๆ นั้นนั่งรอกันอยู่แล้ว แต่ความน่ากลัวของเรื่องเล่านี้อยู่ตรงที่ กลุ่มเพื่อนๆ ที่เจอผีช่องแอร์ในวันนั้นได้ทยอยกันตายเรียงลำดับตามคนที่เจอก่อนจนกระทั่งเหลือคุณบิวกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ไปอยู่เมืองนอกแล้ว ส่วนตัวเขานั้นตอนที่เล่าก็บอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเขานั้นจะตายตามเพื่อนไปวันไหน ซึ่งเมื่อตามไปดูประวัติก็พบว่ามหญิงสาวคนหนึ่งเหมือนกับจะทำงานขายบริการถูกฆ่าตายที่ห้องนี้ โดยถูกฆ่าตัดหัวแล้วเอาหัวไปซ่อนไว้ในช่องแอร์นี้เพื่ออำพรางศพ

สยองขวัญ
จัดอันดับ


สุขภาพดีในทุกทริป

ด้วย 10 เทคนิคระหว่างเดินทาง
การเดินทางไปสู่จุดหมายของแต่ละคนย่อมผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย และการจะไปถึง
ปลายทางให้ได้อย่างราบรื่นนั้น ที่สุดแล้วย่อมต้องอาศัย “สุขภาพ” ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่ขาดไม่ได้

หนุ่มๆ นักเดินทางทั้งหลายอาจมีเทคนิคส่วนตัวที่จะทำให้การเดินทางของตัวเองราบรื่นและสะดวกที่สุด ซึ่งการ “เตรียมตัว” ก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการเตรียมตัวที่ดีนอกจากเรื่องของรายละเอียด การเดินทางอย่างตั๋วเดินทาง การจองที่พัก และอาหารการกินระหว่างทางแล้ว 10 อันดับ การเตรียมรับมือกับอาการที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเดินทางที่พบบ่อยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยได้ อาการที่ทำให้นักเดินทางส่วนใหญ่รู้สึกไม่สะดวกสบายนักหรือถึงขั้นเป็นอุปสรรคได้มีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน ดังนี้

- ง่วง
- เมื่อยล้า
- ไม่สบายท้อง
ทั้ง 3 เป็นเรื่องยอดนิยมที่อาจเกิดได้ในการเดินทางทุกรูปแบบไม่ว่าจะโดยรถยนต์ เรือ หรือเครื่องบิน นอกจากนั้นใครที่ต้องเดินทางไกลข้ามแผ่นดินต่างถิ่นข้ามทวีปอาจมีอาการแถมคือ “Jet Lag” ซึ่งเกิดจากการผิดเวลาข้ามไทม์โซนไปไกลของสมองซึ่งไม่ว่าจะเป็นอาการใดก็ล้วนกวนใจนักเดินทางได้ทั้งนั้น ที่สำคัญคืออาจทำให้เกิดอาการ “ขยาด” การเดินทางขึ้นได้ ยิ่งถ้าเกิดกับผู้ร่วมเดินทางที่เราหวังให้
ไปด้วยกันเป็นทริปแห่งความสุขก็อาจจะกลับกลายเป็น Sick Trip ต้องนั่งฟื้นวิชาปฐมพยาบาลกันยามเจ็บป่วยเป็นทริปที่จดจำไปนาน ซึ่งการจะทำให้การเดินทางแต่ละครั้งสนุกและเป็น Trip of a Lifetime ได้ก็อยู่ที่ “ฝีมือ” ในการป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ เพียงแค่คุณมีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ บางประการ
จากความ “ใส่ใจ” และ “ไม่ประมาท” ก็สามารถทำให้ทุกทริปน่าประทับใจได้ครับ

ขอให้ท่านที่รักลองมาดูเทคนิคระหว่างการ เดินทางดังต่อไปนี้ครับ

10 หนทางสร้างสุขในทุกทริป
1 กาแฟ เครื่องดื่มทรงพลังที่ช่วยให้คนนั่งหลังพวงมาลัยหรือคนโดยสารเองสดชื่นตื่นตัวได้ดีเพราะในกาแฟมีคาเฟอีนที่ทรงฤทธิ์ในการกระตุ้นร่างกายดังที่ทราบกันดีแล้ว จากการศึกษาที่รายงานโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดชี้ว่าคาเฟอีนยังไปยับยั้งเคมีอะดีโนซีนจึงทำให้สมองของเราตื่นตัวมาก นอกจากนั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระดีๆ อย่าง “กรดคลอโรจีนิก” ในกาแฟอีกด้วย แต่ขอให้ดื่มในปริมาณที่ไม่มากเกินไปนะครับ อย่าง 1-2 แก้วต่อวันก็ยังพอไหว เพราะถ้าเกินจากนั้นก็อาจทำให้คุณไม่สนุกได้

2 อาหารแก้เมา อาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน อาจทำให้ทริปดีๆ หมดสนุกได้ น่าเห็นใจคนช่างเมา
ที่บางคนเซนซิทีฟขนาดขับรถวนขึ้นที่จอดก็ “มึน” แล้ว ในเรื่องนี้มีของกินที่พอช่วยได้ครับ ลองหา “ขิง” หรือ “น้ำขิง” มารับประทาน อาจเป็นโจ๊กใส่ขิงมื้อเช้า ก่อนออกเดินทางหรือหาลูกอมขิงมาอมไว้ก่อน ส่วนจะเป็นขิงแก่หรือขิงอ่อนก็ไม่ว่ากัน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาว่า “วิตามินบี 6” ช่วยเรื่องอาการมึนและคลื่นไส้ด้วย

3 ระวังของเค็ม จัดอันดับ การกินเค็มระหว่างเดินทางนอกจากทำให้คุณหิวน้ำบ่อยและต้องหาห้องน้ำแล้ว ยังอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลียได้ด้วย มีการสำรวจพบว่าอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องบินมีทั้งดีต่อสุขภาพและต้องระวัง โดยเฉพาะอาหารที่ “เค็ม” และ “มัน” เช่น ถั่วอบเกลือที่เสิร์ฟบนเครื่องหรือขนมกรุบกรอบที่มีรสเค็ม ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากพาให้ความดันนักเดินทางขึ้นได้แล้ว โซเดียมยังทำให้ “บวม” ได้ง่ายตามที่ต่างๆ เช่น ขาทั้งสองข้างเวลาเดินทางด้วยครับ

4 ระวังอาหารที่ทำให้ท้องอืด ของทอดและของมันคือสีสันระหว่างเดินทางโดยเฉพาะคนที่ไปกับเพื่อนฝูงเพื่อเฮฮาทว่าของมันอาจไปปลุกอาการป่วยให้กำเริบในทริปได้ โดยโรคที่ควรจับตาคือกรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน และโรคกระเพาะอาหาร นอกจากนั้นอาหารมันๆ ยังมีส่วนทำให้ใช้เวลานานในการย่อย จึงอาจทำให้ท้องอืดและรู้สึกไม่สบายท้องได้นานหลายชั่วโมง สำหรับอาหารชวนท้องอืดที่ควรเลี่ยง
ได้แก่ น้ำอัดลม พิซซ่า ถั่ว ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี หอมใหญ่ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเลี่ยงสลัดผักสดทั้งชามนั่นล่ะครับ

5 ลุกขึ้นขยับ ใครที่ต้องเดินทางในอิริยาบถเดียวติดต่อกันนานๆ ขอให้หาโอกาสลุกขึ้นขยับเขยื้อนตัวปรับท่าทางไม่ให้แช่อยู่ในท่าเดียวเกินไปนักอย่างน้อยสักทุกๆ 1 ชั่วโมง ควรมีการขยับ หากเดินทางคนเดียวแล้วเกรงใจผู้โดยสารข้างๆ ไม่กล้าลุกก็อาจใช้วิธียืดเหยียดเท้าหรือเกร็งกล้ามเนื้อตามตัวเป็นส่วนๆ ไปก็ยังได้ การขยับตัวอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ท้องไม่อืด ขาไม่บวม และที่สำคัญคือลดความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดจากการนั่งนานไปอุดที่ปอด (Thromboembolism) ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

6 นอนหลับให้พอ การหลับได้เมื่อหัวถึงหมอนถือเป็นพรอันวิเศษและเป็นความสามารถที่น่าทึ่งของใครหลายคนที่ผมได้สัมผัสมา มีเทคนิคง่ายๆ คือเวลาเดินทางแล้วเขาให้หลับเมื่อไรก็พยายามหลับให้ได้ตามเวลา อาทิ ขึ้นเครื่องบินแล้วเขาปิดไฟให้นอนก็ควรจะนอน แทนที่จะตาสว่างดูหนังบ็อกซ์ออฟฟิศไม่เลิกรา หรือว่าถ้าเห็นตกกลางคืนแล้วเป็นเวลาที่ปกติอยู่บ้านจะเล่นเกมซ่อนลูกตาแล้วก็พึงนอนเถิดครับ เพราะต่อมใต้สมองจะปรับตัวได้ดีถ้าคุณนอนหลับตามเวลาและความมืด-สว่างของสิ่งแวดล้อม

7 ดื่มน้ำ ติด “น้ำเปล่า” ประจำตัวไว้เพราะน้ำธรรมดาคือเครื่องดื่มที่ดีที่สุด การได้ดื่มน้ำระหว่างการเดินทางนอกจากช่วยให้ดับกระหายแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยง “Heatstroke” ซึ่งเกิดจากการเดินทางที่ต้องประสบกับอากาศร้อนจัด รวมถึงอาการ “แฮงก์” หลังปาร์ตี้ที่เพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ ได้ เพราะการขาดน้ำ (Dehydration) เป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่สบายดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ถ้าไม่สะดวกหาน้ำเปล่าอาจใช้ “น้ำมะพร้าว” เป็น Drink of Choice ก็แทนกันได้ ชื่นใจดีครับ

8 ติดหนังสือไว้ เรื่องนี้ขาดไม่ได้เลยทีเดียว ผู้ใหญ่ในวงการสื่อท่านหนึ่งได้เคยให้เทคนิคนี้กับผมไว้ครับ ท่านคือคุณดำรง พุฒตาล 10 อันดับ ซึ่งผมเห็นว่าใช้ได้ผลดีทีเดียวสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อยและแต่ละครั้งกินเวลานาน การมีหนังสือไว้อ่านจะช่วยให้ท่านอยู่ในโลกส่วนตัวได้ง่ายๆ เป็นโลกขนาดพกพาแถมเผลอๆ ยังเป็นทูตสันถวไมตรีเรียกเพื่อนที่ชื่นชอบหนังสือให้เข้ามาทักทายกันไม่เหงาได้อีก ขอให้ติดพ็อกเก็ตบุ๊คไว้หรือหา Men’s Health จากแผงใกล้ๆ ติดไว้ก็ได้ครับ

9 ที่ปิดตา เตรียมตัวช่วยง่ายๆ อย่างที่ปิดตาไว้ด้วยจะช่วยคุณได้ยามที่ต้องการโลกส่วนตัว (อย่างจริงจัง) แบบเข้าภวังค์ครับ การมีอายมาสก์ดีๆ สักอันติดตัวไว้ยามเดินทางจะช่วยให้คุณสบายได้ถึงต่อมในสมองทีเดียวครับเพราะความมืดสนิทนั้นช่วยให้ “ต่อมไพนีล” ในสมองหลั่ง “เมลาโทนิน” ออกมาได้ดี มีส่วนช่วยให้ร่างกายคุณสดชื่นดีและมีภูมิคุ้มกันที่คอยปกป้องโรคภัยไข้เจ็บได้ไหนๆ ก็อุตส่าห์เตรียมของสำหรับเดินทางแล้ว พกที่ปิดตาเบาๆ ไว้สักอันก็ไม่ได้กินที่มากมายอะไรครับ

10 อย่าดูนาฬิกาบ่อย จัดอันดับ นิสัยก้มดูจอหรือฆ่าเวลาด้วยการดูนาฬิกาบ่อยอาจเป็นเรื่องที่ดูเหมือน “ใครๆ ก็ทำ” แต่อาจเป็นกิจกรรมที่ทำให้คุณ “เครียด” โดยไม่รู้ตัวครับเพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอแกดเจ็ตทั้งหลายกับจำนวนโมงยามนาทีที่ผ่านไปจะทำให้รู้สึกว่าเวลาเดินทางมันช่างแสนนานกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นการปรับตัวง่ายๆ ก็คืออาจใช้เวลาคุยกับเพื่อนร่วมทาง หรือใช้เทคนิคคลาสสิกอย่างเล่นเกมปริศนาอักษรไขว้ฝึกสมองแทนก็ยังได้ พยายามให้เวลาผ่านไปอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดจะช่วยคุณได้ครับ
ทั้ง 10 ข้อนี้ถือเป็นบัญญัติสำหรับนักเดินทางเผื่อคุณจำเป็นต้องเดินทางในรูปแบบต่างๆ ก็สามารถเลือก
ข้อเหมาะๆ นำไปใช้ได้ โดยไม่ว่าจะไปที่ไหนขอให้ท่องไว้เสมอว่า ถ้าสุขภาพดีเสียอย่างแล้วอุปสรรคใดๆ ก็จะเป็นเรื่องเล็กน้อยได้หมดแล้วคุณจะถึงที่หมายได้อย่างงดงามครับ

เมื่อเช้าคุณรับประทานอะไรครับ

ยังไม่ต้องตอบเลยก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากตกเทรนด์ว่าโลกที่กำลังหมุนไปตอนนี้เขานิยมกินคลีนเพื่อสุขภาพกันแบบไหนคุณต้องอ่านต่อแล้วล่ะครับ

อาหารรอบโลก สิบอันดับ ที่ยอมรับกันว่าดีต่อสุขภาพ รับประทานแล้วอายุยืน ไม่ค่อยป่วย มีให้อยู่แทบทั่วทุก
มุมโลกครับ ทั้งอาหารนอร์ดิก อาหารโอกินาวา อาหารเมดิเตอร์เรเนียน แม้แต่อาหารไทยแบบดั้งเดิมก็ถือว่าดีไม่แพ้ใครครับ แต่ถ้าถามว่ากระแสอะไรกำลังมาแรง ตอบได้ทันทีว่า “เมดิเตอร์เรเนียน” ครับ ส่วนหนึ่งเพราะมีวิธีการปรุงไม่ซับซ้อน เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติ รับประทานกันได้แบบเบาๆ และปรับแปลงให้เข้ากับอาหารที่ชาวตะวันตกรับประทานกันประจำอยู่แล้วได้ง่ายๆ ส่วนอาหารไทย สิบอันดับ
หรืออาหารร่วมสมัยที่พวกเรา รับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะปรับให้ใกล้เคียงอาหารเมดิเตอร์เรเนียน
ยากจนเกินไปนะครับ แต่ก่อนที่คุณจะสตาร์ทรถออกไปรับประทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนในโรงแรมหรูหรือไปช็อปปิ้งหาวัตถุดิบมาปรุงอาหาร คงต้องมาทำความรู้จักกับอาหารภูมิภาคนี้กันให้ถ่องแท้กันสักหน่อยก่อนครับ

อาหาร “เมดิเตอร์เรเนียน” ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องมีที่มาจากทะเลชื่อเดียวกันเป็นแน่ ซึ่งก็ไม่ผิดครับ
แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเสียทีเดียว ไม่ว่าอาหารอิตาเลียน อาหารฝรั่งเศส อาหารกรีก อาหารโมร็อกโก ต่างก็มีส่วนผสมของความเป็นเมดิเตอร์เรเนียน แต่หัวใจของอาหารประเภทนี้คือความ “ไม่เยอะ” บวกกับ “ธรรมชาติ” และน้ำมันมะกอก ดังนั้นหากอาหาร อิตาเลียนจานไหนเริ่มเยอะ ปรุงยาก เนื้อแดงมาเต็มคงไม่ใช่ ในทางกลับกัน อาหารฝรั่งเศสที่คนไทยเรามักติดภาพมาแต่ไหนแต่ไรว่าไขมันสูง แต่ถ้ามา
เจออาหารพื้นถิ่นของแคว้นโปรวองซ์ อย่าง Tapenade ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อนเล็กๆ กรุ่นกลิ่นเครื่องเทศ ได้โปรตีนจากเนื้อปลา หอมมันละมุนลิ้นด้วยน้ำมันมะกอก ทานกับขนมปังโฮลเกรนได้เด็ดขาดมาก ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ถือว่าได้คอนเซ็ปต์ของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนทั้งอร่อยและสุขภาพดีไปพร้อมกันครบ
ดังนั้นความหมายของคำว่า “ไม่เยอะ”

ในที่นี้คือ รับประทานกันแบบเบาๆ ไม่ฟาดให้เต็มกระเพาะ การปรุงก็ต้อง เรียบง่าย ไม่ผ่านกระบวนการมากมายนัก เช่น อาหารพวกแป้งก็เน้นโฮลเกรน ไม่ขัดสี รวมถึงเล่นกับพวกพืชผักเป็นหลัก
เครื่องเทศต้องถึง แต่ไม่เน้นเค็ม ไม่ค่อยยุ่งกับเนื้อสัตว์ใหญ่ มีแต่ปลาอาหารทะเลมาได้บ่อยสัปดาห์ละ
สองครั้งขึ้นไป เนื้อไก่ ไข่ ชีสแทรกมาวันเว้นสองวันในหนึ่งสัปดาห์อย่างนี้ได้ จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่มีเนย และเนยเทียมให้เห็น น้ำมันที่ใช้เป็น น้ำมันมะกอกแทบทั้งหมด เพราะว่าส่วนประกอบในน้ำมันมะกอกมากกว่าสองในสามเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัว หนึ่งตำแหน่งซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจกว่าไขมันอิ่มตัวหรือไขมันทรานส์เยอะครับหันกลับมามองอาหารบ้านไทยเราบ้าง จะเห็นได้ว่าอาหารไทยดั้งเดิมก็ไม่ได้แตกต่างจากอาหารเมดิเตอร์เรเนียนมากนัก เพราะเน้นปรุงง่าย ผักลวกจิ้มน้ำพริก มีปลาย่าง ปลาร้ากล้อมแกล้มกันมา ผิดกันก็แค่ไม่มีการใช้น้ำมันปรุงอาหารเลย (พี่ไทยรับมาจากอาหารจีนอีกทีครับ)

ดังนั้นถ้าอยากกินอาหารไทยประยุกต์แบบมีสไตล์ก็ไม่ยากเลย เริ่มจากเก็บข้าวขาวไว้ก่อน หาข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี มาแทน จากนั้นมองมาที่จานอาหาร ประมาณครึ่งจานต้องประกอบด้วยผักเป็นสมาชิกหลัก ยิ่งหลากสียิ่งมีประโยชน์ กระเทียมพริกไทยและเครื่องเทศทั้งหลายอย่าได้ขาด ได้โปรตีนจากปลาและอาหารทะเลแล้วค่อยๆ ลดการบริโภคหมูหรือเนื้อวัว ทานถั่วลิสงตามโอกาส แต่ไม่ควรเกินวันละหนึ่งกำมือ สุดท้ายน้ำมันมะกอกที่อาจเป็นปัญหาบ้าง เพราะราคาในไทยอาจแพงไปหน่อย

บางคนอาจไม่ชอบกลิ่นรสเฉพาะตัว แบบเผ็ดนิดเปรี้ยวหน่อยของน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตราเวอร์จิน ทั้งไม่ทนความร้อนสูงอีกต่างหาก ให้คุณลองใช้น้ำมันมะกอกเกรดรองลงมาที่ทนความร้อนได้ดีกว่าและราคาย่อมเยากว่า (Pomace หรือ Light) หรือเลือกเป็นน้ำมันคาโนลาที่มีองค์ประกอบของน้ำมันไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งอยู่ราว 60% และไขมันอิ่มตัวน้อยที่สุดในบรรดาน้ำมันพืชที่ใช้กันทั้งหมด

แต่ถ้ายังหาซื้อไม่ได้อีกขอให้มองน้ำมันถั่วลิสงหรือน้ำมันรำข้าวก็พอได้อยู่ครับเมื่อได้ลิ้มลองอาหารอร่อยอินเทรนด์แล้ว สิ่งดีๆ ที่ร่างกายได้มาพร้อมกันคือ จัดอันดับ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจเบาหวาน อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และอาจจะรวมถึงอายุยืน อ่อนกว่าวัยอีกด้วย ดังตัวอย่างกลุ่มพยาบาลสี่พันกว่าคนในสหรัฐฯ ที่มีไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหารแตกต่างกันไป แต่ถ้าเอามาเกลี่ยว่าลักษณะอาหารที่ทานนั้นใกล้เคียงกับความเป็นอาหารเมดิเตอร์เรเนียนแค่ไหน

ตั้งแต่กลุ่มที่ 0 ถึงกลุ่มที่ 9 ปรากฏว่ายิ่งเหมือนยิ่งได้ดี ตัวอย่างเช่น กลุ่มที่ 3 กับ 6 ดูอาหารด้วยตาแล้วจะเห็นว่าแตกต่างกันไม่มาก แต่เมื่อไปวัดความยาวของเทโลเมียร์ซึ่งเป็นส่วนปลายของดีเอ็นเอ
ที่จะขาดไปตามอายุของเซลล์ จัดอันดับ พบว่ากลุ่มที่ 6 ซึ่งกินอาหารเมดิเตอร์เรเนียนมากกว่า อายุเซลล์จะอ่อนกว่ากลุ่มที่ 3 ตั้งสี่ปีครึ่ง ซึ่งตัวเลขนี้เปรียบเหมือนคนที่สูบบุหรี่กับไม่สูบ หรือสาวๆ ที่ออกกำลังกายประจำกับไม่ค่อยออกกำลังกายเลยนั่นแหละครับ ตอนนี้คุณคงตอบผมได้แล้วกระมังครับว่ากินคลีนแบบไหนถึงจะดี ส่วนอาหารเช้าที่ทานรสชาติเป็นอย่างไรไม่สำคัญแล้ว ขอแค่อาหารที่คุณทานไม่ “เยอะ” (บวกกับออกกำลังกาย อย่างที่คุณทำประจำ) สุขภาพดีก็ไม่ห่างไกลแล้วล่ะครับ

5 สุดยอดร้านสุกี้ทั่วกรุง 5 สุดยอดร้านโจ๊กในกรุงเทพ 50 อาหารแปลกแต่ขายดีของญี่ปุ่น 101 เมนูซูชิ 5 สุดยอดร้านกระเพาะปลาในกรุงเทพ อาหาร 100 อย่างตามทางรถไฟสายยามาโนเตะ อาหารเวียดนาม ขนมไทยโบราณที่น่าจดจำ และ ขนมไทยมงคล ๙ อย่าง 30 อันดับขนมหวานเมืองคามาคูระประเทศญี่ปุ่น อาหารประเทศอาเซียน 7 ขนมหวานยอดฮิตของเยอรมัน  อาหารลาว 10 สายพันธุ์งูน่าทึ่ง 25 สถานที่ดำน้ำทั่วโลก 25 สัตว์น้ำรูปร่างหน้าตาประหลาด ไขปริศนาใครคือแจ๊คเดอะริปเปอร์ (Jack The Ripper) 20 พืชผักแปลกสายพันธุ์เก่าแก่ 10 อันดับสัตว์มีพิษ ตำนานธอร์ (Thor) เทพสายฟ้า 10 อันดับสัตว์สถาปนิก 15 สัตว์โลกสวยงามที่ใกล้สูญพันธุ์ เปิดแฟ้มลับชีวิตรัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) เห็ดมีพิษ 10 อันดับฆาตกรเด็ก 10 อันดับสัตว์ผีดูดเลือด 10 อันดับสัตว์แปลกที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุด 10 เกมส์ดีที่โลกควรรู้จัก ช่วยฝึกสมอง เด็กเล่นได้ไม่รุนแรง แนะนำ Android Games Cloud Computing http://megatopic.blogspot.com/2013/08/20-90s.html http://megatopic.blogspot.com/2013/12/dead-island-riptide.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post_2.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/application-iphone-ipad-1.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_866.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/101.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/application-iphone-ipad-1.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/botox-filler.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_8739.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_8.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/great-wall-of-china.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_3921.html http://megatopic.blogspot.com/2013/10/blog-post_24.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_8781.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_23.html http://www.blogger.com/%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7...%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_19.html http://megatopic.blogspot.com/2013/10/blog-post_6477.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/butterfly-pea.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_7684.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_6.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_27.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/nikita-khrushchev.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_16.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_3574.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/8.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_22.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_954.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_28.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post_17.html http://megatopic.blogspot.com/2013/11/2-tasty-too.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_22.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/10.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/7.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_4.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_7834.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/stephen-hawking.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/10_13.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/10_27.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/10.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_14.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/acerola-cherry.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_18.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/albert-einstein.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_30.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_26.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post_6378.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post.html http://megatopic.blogspot.com/2013/10/blog-post_28.html http://megatopic.blogspot.com/2013/11/blog-post_24.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/apache-helicopter.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_7038.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/25_22.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_20.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_28.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_4929.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_18.html