ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณบ่งบ๊ง
ยามนึกอยากจะทานเมี่ยงคำ ก็จะนึกถึงใบชะพลูห่อเครื่องพอดีคำให้รสเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และเผ็ด เรียกได้ว่าเป็นของว่างที่อร่อยครบทุกรส แถมยังได้สุขภาพไปในตัว แต่วันนี้เรามีเมี่ยงคำแนวใหม่สูตรของคุณ บ่งบ๊ง จากห้องก้นครัว เว็บไซต์ pantip.com มาฝากกัน ...ที่ต้องบอกว่าเป็นเมี่ยงคำแนวใหม่นั้น ก็เพราะว่า เมี่ยงคำสูตรนี้จะไม่ใช้ใบชะพลู แต่ใช้กลีบบัวหลวงห่อเครื่องแทนน่ะสิจ๊ะ
...ไม่ ต้องสงสัยไปว่า ดอกบัวจะทานได้หรือ เพราะไม่เพียงทานได้เท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง แก้ไข้ มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ฯลฯ และเมื่อนำมาร่วมวงเมี่ยงคำแล้ว ก็ทำให้ของว่างจานนี้หน้าตาสวยหวานน่ารับประทานมาก ๆ เลยล่ะ ยิ่งหากใครที่ไม่ปลื้มรสชาติของใบชะพลูด้วยแล้ว ขอชวนมาทำ เมี่ยงคำกลีบบัว รับประทานกันดีกว่าจ้า มามะ...มาลงมือทำกันเลยยยย
ส่วนผสม
ส่วนผสมน้ำเมี่ยงคำด้างล่างนี้เป็นสูตรของ ผศ.พงษ์ศักดิ์ ทรงพระนาม อาจารย์สาขาอาหารและโภชนาการ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ธัญบุรี อาจารย์ผู้แนะนำการรับประทานเมี่ยงบัวหลวง และสาธิตผ่านรายการต่าง ๆ ทางสถานีโทรทัศน์ ซึ่งสูตรของอาจารย์ จะแตกต่างจาก ส่วนผสมของบ่งบ๊งที่เคยลงเรื่องราวไว้ที่บล็อกเล็กน้อย แตกต่างตรงส่วนน้ำตาล แต่ขอยืนยันว่าน้ำเมี่ยงคำโบราณทั้งสองสูตรนี้อร่อยไม่แพ้กันค่ะ
• น้ำตาลปีบ 1 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
• น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำสะอาด 1/2 ถ้วย
• กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
• รากผักชี 1 ช้อนชา
• ข่าคั่วโขลก 1 ช้อนชา
หมายเหตุ - ใส่น้ำตาลปีบล้วน ๆ โดยไม่ผสมน้ำตาลทรายเลยก็ได้นะคะ
ภาพด้านล่างนี้เป็นส่วนผสมของบ่งบ๊ง หากสนใจจะลองทำ คลิกที่นี่เลยค่ะ
วิธีปรุงน้ำจิ้มเมี่ยงคำ
นำภาพวิธีการปรุงน้ำจิ้มเมี่ยงคำในแบบฉบับย่อ ๆ มาให้ชม เอาส่วนผสมในภาพด้านบนทั้งหมดใส่ในหม้อ แล้วเดินหน้าเคี่ยวไปเรื่อยจนเข้มข้น
บ่ง บ๊งเคยแนะนำเคล็ด [ไม่ลับ] ในการเคี่ยวน้ำตาลปีบให้เข้มข้นแบบไม่เปลืองแก๊สไว้ที่บล็อก คือให้เปิดไฟแรง ๆ แล้วใช้ทัพพีคนๆ ๆ ๆ น้ำตาลให้เดือดขึ้น ๆ ลง ๆ แบบเร่งไฟ ลดไฟ ไปเรื่อย ๆ เท่านี้เองค่ะ เราก็จะได้น้ำตาลปีบแบบเหนียวเข้มข้นโดยไม่ต้องเคี่ยวนานเป็นชั่วโมง และที่สำคัญไม่เปลืองแก๊สด้วยนะคะ
เสร็จแล้วคะ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็ได้น้ำจิ้มเมี่ยงคำที่เข้มข้นแล้ว
ตระเตรียมเครื่องเคียง + จัดวาง
เครื่อง เคียงก็มี ขิง หัวหอมแดง มะนาว ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง และพริกขี้หนูสวน ส่วนผักสดที่รับประทานกับเมี่ยงคำโดยทั่วไป ใบชะพลู ใบทองหลาง ใบคะน้า ฯลฯ
หาก ทานกับกลีบบัวหลวงแบบนี้ต้องล้างทำความสะอาดกันก่อน โดยเอาน้ำสะอาดใส่กะละมัง ใส่เกลือป่นไปสัก 1 ช้อนชา แล้วล้างทีละกลีบ ล้างเสร็จแล้วสะบัดน้ำออกให้หมด หรือใส่กระชอนแล้วแกว่ง ๆ ให้สะเด็ดน้ำ
ดูสีสันของกลีบดอกบัวสิคะ โอย ๆ ๆ สวยงามจริง ๆ นี่หล่ะที่เขาเรียกกับว่า "ชมพูกลีบบัว"
หั่น เครื่องเคียงเสร็จแล้ว ทีนี้เราก็มาจัดสำรับกันเถอะคะ จัดน้ำจิ้มเมียงคำใส้ถ้วยแก้ว วันนี้ขอใช้พริกขี้หนูแดงซอย ๆ เพื่อความสวยงาม
จัดวางบนช้อนแบบสมัยใหม่ สมัยนี้นิยมจัดไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์โดยวางไว้บนช้อนกระเบื้องแบบนี้
หรือจะจัดใส่จานเป็นคำ ๆ
เกสรชมพูมะเหมี่ยวจะมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่ขม ไม่ฝาด ทานกับข้าวยำปักษ์ใต้ก็แจ่มค่ะ
โปรดสังเกตสีสันของสีชมพูจัดจ้านทั้งของฝ่ายซ้าย และฝ่ายขวา ชมพูของหัวหอมแดง ชมพูของเกสรชมพู่มะเหมี่ยว และชมพูของสีกลีบบัว
แหม่...เห็นเมี่ยงคำกลีบบัวของคุณบ่งบ๊งแล้ว ขอยกนิ้วให้ในเรื่องของความสวยงามน่าทานจริง ๆ อย่างนี้ต้องลองทำทานเองบ้างสักหน่อยแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น