Thyme เครื่องเทศที่ครัวฝรั่งขาดไม่ได้ credit ฟ้าใสวันใหม่ bloggang.com
http://alphabeticallistofflowers.org/flowers-list-T/
Thyme-flower-meanings.html
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Thymus spp.
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Thymus vulgaris
ชื่อสามัญ : ไธม์ (Thyme)
สกุล : Lamiaceae or Labiatae Mint Family
http://alphabeticallistofflowers.org/flowers-list-T/
Thyme-flower-meanings.html
Time for Thyme
ไธม์ หรือ Thyme เป็นคำที่มีต้นกำเนิดจากภาษากรีกโบราณ Thymos ที่แปลว่า น้ำหอม เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปทั่วไป อยู่ในสกุลเดียวกับมินต์ (Lamiaceae) ลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นเตี้ยแจ้ ทอดเลื้อยตามหน้าดิน แตกกิ่งก้านหนาแน่น ใบมีขนาดเล็กออกเรียงสลับ ใบดกตลอดปีไม่ผลัดใบ ดอกสีขาว ชมพู ม่วง ออกเป็นกระจุกที่ปลายยอด ทั้งลำต้นและใบเป็นสีเขียวอมเทา ลำต้น กิ่งก้าน และใบ
มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัว
http://culturewav.es/life/thyme
เป็น พืชปรุงกลิ่นเพิ่มรสชาติอาหาร ไธม์มีสารไธมอล (thymol) ที่ช่วยในการย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ทำให้เจริญอาหารมากขึ้น ใช้ได้ทั้งแบบสดและแห้งป่นเป็นผง ไธม์สดจะมีกลิ่นหอมกว่า (สับแล้วควรใช้ทันที) นิยมใช้ในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ช่วยปรุงแต่งรสเนื้อสัตว์ ซอสผัก หรือน้ำสลัดให้มีรสชาติเข้มข้นชวนรับประทานมากยิ่งขึ้น
ไธม์ เป็นเครื่องเทศที่ครัวฝรั่งขาดไม่ได้ก็จริง แต่บ้านเราก็มีขายแล้วในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป รับประทานไธม์กับอาหารประเภทเนื้อสัตว์จะช่วยให้ลำไส้และกระเพาะอาหารย่อย เนื้อสัตว์ทำงานได้ดีขึ้น ฝรั่งจึงเอาไว้ใส่ใน เนื้อย่าง สตู (stew) หรือซุปเนื้อ ส่วนคนไทยเราจะเอามาเคี้ยวกินกับน้ำตก ไก่ย่าง เนื้อย่าง ก็ไม่เลวเหมือนกัน*
http://www.123rf.com/photo_9247623_roasted-
chicken-legs-with-thyme-in-a-bowl.html
ไธม์ เติบโตได้ในดินทั่วไป ชอบแดด ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ปลูกได้ทั้งแบบลงดินกลางแจ้ง
และ ปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ตั้งในที่แจ้ง หลังปลูกรดน้ำพอชุ่มทั้งเช้าและเย็น บำรุงปุ๋ยธรรมชาติจำพวกขี้วัว หรือขี้ควายแห้งโรยตามหน้าดินบาง ๆ เดือนละครั้ง
หรือปุ๋ยหมักชีวภาพ 2 เดือนครั้ง จะทำให้ต้นไธม์ แตกกิ่งก้านสาขาหนแน่น
สามารถเก็บต้น ใบ และยอด ไปใช้ประโยชน์ได้
ขยายพันธุ์ ด้วยการปักชำ
http://www.zemplenijobbik.info/essential-oil-of-thyme.htm
ไธม์ เป็นทั้งเครื่องเทศและยา เพราะมีน้ำมันหอมระเหย นำมาใช้แต่งกลิ่นในวงการเครื่องหอมและเป็นยาฆ่าเชื้อทางการแพทย์ ยอดและใบของไธม์ นำไปสกัดเป็นน้ำมันไธม์ได้รับความนิยมไปปรุงอาหารอย่างแพร่หลาย ไม่แพ้การใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันงา กลิ่นสด ๆ ของไธม์ ดมแล้วดีต่อระบบทางเดินหายใจ ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร
ผลต่ออารมณ์
น้ำมันไธม์ เสริมความแข็งแกร่งให้ระบบประสาท ลดความเครียด ปรุงแต่งอารมณ์ให้สดชื่นหลังจากเหนื่อยล้า ไธม์ยังมีฤทธิ์กระตุ้นความจำ สมองปลอดโปร่งและสมาธิดี
http://alphabeticallistofflowers.org/flowers-list-T/
Thyme-flower-meanings.html
http://baralispa.multiply.com/journal
ไม้สกุลไธม์ (Thumus Spp.) มีสมาชิกร่วมสายพันธุ์ 350 ชนิด ไธม์ที่ชาวยุโรปปลูกในทุกวันนี้เป็น ไธม์สวน เป็นสายพันธุ์ที่พัฒนามาจาก ไธม์ป่า เป็นจำพวกไม้พุ่ม บางชนิดมีเนื้อไม้ บางชนิดไม่มี สูงพ้นเข่า ใบมีกลิ่นหอม และถึงแม้จะมี 350 สายพันธุ์ แต่กลิ่นก็มิได้เหมือนกันไปทั้งหมด บางกลิ่นคล้าย แมงลัก โหระพา กระเพรา ที่เด็ก ๆ แยกไม่ออก
คนโบราณ ใช้ไธม์ผสมในเครื่องหอมที่เผาเอาควันอบร่ำสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อการบวงสรวง สักการะ ชำระล้าง ฆ่าเชื้อโรคระบาด ควันของไธม์มีสาร thymol มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ขับไล่มดแมลงและสัตว์มีพิษที่หลบซ่อนตามบ้านเรือน
http://www.digginit.org/index.phpmact=Album,mec8c1,
default,1&mec8c1albumid=12&mec8c1returnid=66&page=66
ในแง่ความงาม เชื่อว่าไธม์เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตบริเวณผิวหนัง ทำให้ผิวมีเลือดฝาด
มีน้ำมีนวล และช่วยควบคุมการสร้างไขมันที่ผิวหนัง
ตาม ตำนานความเชื่อของกรีกโบราณ ต้นไธม์กำเนิดจากเทวีผู้เลอโฉมนามว่าเฮเลน แห่งเมืองทรอย ความงามของเธอทำให้เมืองทรอยต้องถูกทำลายด้วยกลศึกม้าเมืองทรอย หรือ Trojan Horse ซึ่งกลายมาเป็นชื่อไวรัสคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
http://www.cheewajit.com/articleView.aspx?
cateId=6&articleId=1996
ไธม์ อบแห้ง
http://pongprueksa.plazacool.com/pongprueksa-item-Thyme
- มีน้ำมันหอมระเหย ช่วยในการฆ่าเชื้อ ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติป้องกันมะเร็ง
- ช่วยในการรักษาโรคหลอดลมอักเสบ โรคระบบทางเดินหายใจส่วนบน ไอกรน
- ช่วยรักษาอาการไอ โดยอาจชงเป็นชาใบไธม์ 1 ช้อนชา ต่อน้ำร้อน 1/2 แก้ว แช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที สามารถดื่มวันละ 3-4 ครั้งต่อวันเพื่อรักษาอาการไอ
http://freshcatering.blogspot.com/2008/09/
lemon-thyme-cupcakes.html
http://www.meganscookin.com/lemon-thyme-bruschetta
อ้างอิง :
http://news.enterfarm.com/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%
B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B9%8C.html
http://www.foodietaste.com/FoodPedia_detail.asp?id=133
http://baralispa.multiply.com/journal=5779
*http://th.88db.com/th/Knowledge/Knowledge_Detail.page?kid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น