ซอกแซกไปสมุย...ลุยอร่อยกับกูรูนักชิม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 พฤศจิกายน 2552 08:33 น.

ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ กูรูนักชิม
       
       
       สมุยเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวในฝันของหลายๆ คนที่รักท้องทะเล เสน่ห์ของสมุยคือเกาะเล็กๆ ที่มีหาดทรายยาวขาวละเอียด น้ำทะเลใสแจ๋ว สามารถไปดำน้ำตามเกาะแก่งต่างๆ และถ้าใครมีแผนอยากจะไปเที่ยวสมุย แต่ไม่รู้จะพักที่ไหนและกินอะไรดี ลองไปทัวร์กับกูรูนักชิมดีกว่า
       

       ทัวร์กินครั้งนี้ ซิตี้แบงก์ ชวน ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ หรือ “ ปิ่นโตเถาเล็ก” กูรูนักชิมรุ่นใหม่ไฟแรง เป็นหัวหน้าแก๊งนำไปซอกแซกตามซอกซอย ตั้งแต่ร้านธรรมดาราคาถูก ไปจนถึง Find Dinning ให้ลิ้มลองเมนูอาหารของเกาะนี้ว่าเด็ดแค่ไหน ทริปนี้พวกเราใช้เวลาซอกแซกกิน 3 วัน 2 คืน
       

ไข่เจียวครัวชาวบ้านและแกงส้มปลายอดมะพร้าว
       ทันทีที่ล้อเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์ เวย์ส แตะพื้นสนามบินนานาชาติอันสวยงามของเกาะสมุย เพื่อไม่ให้เสียเวลา ทัวร์ซอกแซกกินของพวกเราก็เริ่มมื้อกลางวันกันที่ “ครัวชาวบ้าน” ร้านอาหารชื่อดังริมหาดละไม ที่ถือเป็นไฟลต์บังคับที่ใครมาต้องแวะชิมอาหารพื้นเมือง เพื่อให้รู้ว่าคนสมุยเขามีรสปากอย่างไร
       

       จานแรกที่สั่งมาคือ แกงส้มปลายอดมะพร้าว (120บาท) รสแซบเหลือหลาย ต้องสั่งคู่กับไข่เจียวครัวชาวบ้าน (120 บาท) ที่ทอดกับเนื้อปูฟูเต็มจาน มาใต้แล้วอย่างไรก็ต้องขอชิม ผัดกะปิสะตอกุ้ง (100 บาท) แม้จะรู้ว่าสะตอจะทิ้งกลิ่นรุนแรงในตอนเช้าก็ตาม แต่ก็คุ้มเพราะเขาเลือกกะปิหอมอย่างดีมาผัด ทำให้รสชาติอร่อย ยิ่งเคี้ยวกับกุ้งสดรสและสะตอผัดสดๆ มันอร่อยมากๆ
       

ส้มตำเนื้อแกะ Lamb Shoulder
       ยำสาหร่ายข้อหอยเจาะ (120 บาท) จานนี้มีกินเฉพาะที่เกาะสมุยเท่านั้น เพราะทั้งข้อหอยเจาะและสาหร่าย เป็นของที่นี่ , ปลากะพงขาวทอด, วายคั่วหัวกะทิ เป็นต้น
       

       อิ่มกับมื้อกลางวันแล้วก็ต้องแวะไปชม “หินตา หินยาย” สัญลักษณ์ของเกาะสมุย ที่ธรรมชาติบรรจงสรรค์สร้างด้วยอารมณ์ขำ-ขำ ใครเห็นแล้วต้องออกปากเลยว่า “ทำไมเหมือนอย่างนี้ !” อ้อ! อย่ามัวเพลินกับหินตาหินยายจนลืมซื้อของฝากขึ้นชื่อของที่นี่คือ “กะละแม” ที่หวานมันอร่อยกว่าทุกที่
       

       ตกค่ำไปอุ่นเครื่องกันก่อนที่ Dining on the Rock @ Sixsense Hideaway Samui มองดูพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมกับจิบค็อกเทลไปกับคานาเป้คำน้อยแต่อร่อยมากๆ อย่าง ส้มตำเนื้อแกะ , Hot dog, คานาเป้แซลมอน, ฮามาจิ ซูชิ ฯลฯ
       

เมนูขึ้นชื่อ อกเป็ดอบราดซอสไวน์แดงร้าน Red Snapper Bar & Grill
       ส่วนดินเนอร์มื้อค่ำเป็นอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน เคล้าเสียงเพลงจากวงไลฟ์แบนด์สไตล์ละติน ที่ Red Snapper Bar & Grill เริ่มเรียกน้ำย่อยกับไก่สะเต๊ะโมร็อกโก (260บาท) ที่เสิร์ฟเก๋ๆ มาบนกระบอกไม้ไผ่กลิ่นเครื่องเทศหอมกรุ่น ตามด้วยทูน่าสลัด (290บาท) ส่วนเมนคอร์สควรกินอกเป็ดราดซอสไวน์แดง (590 บาท) อันเลื่องชื่อของที่ร้าน เป็นอกเป็ดเนื้อนุ่มชุ่มด้วยซอสไวน์แดงกลิ่นหอมอบอวล
       

       คืนแรกพักกันที่ Melati Beach Resort & Spa โรงแรมหรูติดทะเลระดับ 5 ดาว ที่ตกแต่งด้วยศิลปะแบบไทยตามแบบฉบับของภาคใต้ บรรยากาศสบายจนทุกคนไม่อยากจะตื่นเช้าเพื่อมาทำกิจกรรมกันเลย
       

ห้องพักที่ Melati Beach Resort & Spa
       เช้าวันที่สอง หลังจากเช็กเอาต์จากโรงแรมแล้ว ก็มุ่งไปไหว้พระที่วัดพระใหญ่ อันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธโคดม พระพุทธรูปปางมารวิชัย สูง 12 เมตร ตั้งอยู่ปลายสุดด้านเหนือของเกาะใกล้กับหาดบ่อผุด เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดของภาคใต้ ที่ประดิษฐานอยู่กลางแจ้งบนยอดเขา สามารถมองเห็นองค์พระได้ในระยะไกล
อาหารที่ร้านSamui Seafood Restaurant
       รอบๆ วัดนี้จะมีร้านขายเสื้อผ้าลายบาติกที่เป็นฝีมือของคนสมุย แต่ขอแนะนำให้เลือกกันดีๆ เพราะบางแบบก็มีขายแถวกรุงเทพฯ เหมือนกัน
       

       ไหว้พระขอพรอิ่มบุญกันแล้ว ก็ไปหาของอร่อยอิ่มท้องกันบ้าง กูรูปิ่นโตเถาเล็กอาสาพาไปกินอาหารไทยที่ร้าน Samui Seafood Restaurant แม้จะไม่ใช่ร้านอาหารติดทะเล แต่ก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านไปทั่วบริเวณ ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในสวน อาหารที่นี่มีทั้งอาหารไทยและฝรั่ง โดยตำรับอาหารไทยนั้น ได้ที่ปรึกษาคือ อ.อมินตรา ศุกรสุวรรณ ทายาทผู้สืบทอดอาหารไทยตำรับชาววังจาก ม.ล.พวง ทินกร ณ อยุธยา นางข้าหลวงในพระองค์เจ้าหญิงจุฑารัตน์ราชกุมารี พระราชธิดาในรัชกาลที่ 5
       

บรรยากาศ The Library
       มื้อนี้เสิร์ฟอาหารไทยทั้งหมด 9 เมนู แต่ละเมนูล้วนประดิดประดอยสวยงาม ให้สมกับเป็นต้นรับชาววังจริงๆ อย่าง ไก่สะเต๊ะ (180 บาท) เสียบไม้ย่างบนเตาช้างน้อยน่ารัก ทอดมันกุ้ง (180บาท) ปั้นเป็นรูปกลมแบนชิ้นหนาคลุกเกล็ดขนมปังเพิ่มความกรอบ เสียบอยู่ในก้านตะไคร้ ที่รองข้างใต้ด้วยเผือกซอยเป็นเส้นทอดกรอบ กุ้งลายเสือซอสมะขาม (320บาท) ปูนิ่มทอดกระเทียม (150บาท) ,รวมมิตรทะเลผัดมะม่วงหิมพานต์(320 บาท) , ต้มโคล้งปลาแซลมอนและปลากะพง(250 บาท ) ,ยอดมะพร้าวอ่อนผัดบร็อคโคลี่ (150 บาท ) เริ่มต้นจากอาหารไทย แต่ตบท้ายด้วยขนมหวานอิตาเลี่ยน Coconut Panna Cotta in Pandan Leaf Shirt (140 บาท )
       อิ่มจากมื้อกลางวัน ก็ไปผ่อนคลายยามบ่ายกับอาหารว่างเบาๆ ก่อนจะรับศึกหนักมื้อเย็น แค่รถเลี้ยวเข้าไปจอดที่ The Library โรงแรมสุดฮิปบนถนนเลียบหาดเฉวง พวกเราก็ตื่นเต้นกับคอนเซ็ปต์เก๋ไก๋ โดยได้ไอเดียมาจากนักท่องเที่ยวที่มาสมุย จะชอบนั่งนอนอ่านหนังสือตามชายหาด จึงพยายามทำโรงแรมให้เหมือนห้องสมุด ชื่อห้องก็เรียก Page แล้วตามด้วยเลขที่ห้อง ห้องพักแต่ละห้องเป็นอาคาร 2 ชั้น โปร่งโล่งสบาย ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่เจ้าของโรงแรมบอกว่าเป็นต้นไม้เดิมๆ ที่ไม่ยอมตัดทิ้งเลย ตามมุมต้นไม้จะมีรูปปั้นคนในโทนสีขาว นั่งบ้าง นอนบ้าง อ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์ ที่นี่มีห้องพัก 26 ห้อง ในราคา 3 วัน 2 คืน 19,900 บาท++

เฟตตูชินีโฮมเมด
       เป็นยามบ่ายที่ชวนให้ตื่นเต้นไม่เพียงกับสถานที่นั้น แต่อาหารว่างที่เสิร์ฟในห้อง The Page อันเป็นห้องสมุดสีขาวสะอาดตาเพื่อให้แขกสามารถยืมหนังสือ ซีดี ได้นั้น ถูกแปลงเป็นห้องจัดเลี้ยงที่มีอาหารว่างและขนมเรียงรายสีสันสดใส ตกแต่งอย่างน่ารักจนไม่กล้าทำลายความงดงามเลย **ชมภาพสวย ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่**
มุมสวยๆ ที่ Le Bayburi The Sea Samui
       อำลาห้องสมุดที่แสนประทับใจ เพื่อมุ่งไปดินเนอร์มื้อค่ำที่ Olivio Italian beachside Restaurant ร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังของเกาะนี้ด้วยฝีมือ ลุยจิ แฟดด้า เจ้าของรางวัลเดอะวินเนอร์ ประจำปี 2007 ของ Vouge Entertaining+Travel Produce Awards เป็นเชฟชาวอิตาเลียนตัวกลมป๊อกพูดภาษาไทยเก่ง เพราะอยู่เมืองไทยมาหลายปีแล้ว มื้อนี้เชฟเตรียมจานเด็ด Chef Antipasto (1,200 บาท) เป็นสไตล์ Mixed Starter รวมเมนูเด็ดแบบอิตาเลียนจ๋าของเชฟเอาไว้ มี ตับห่านราดด้วยบัลซามิคน้ำผึ้ง, มัสซาเรลาชีสกับมะเขือเทศ, สโมคแซลมอนกับรอคเกตสลัด ฯลฯ ส่วนเมนูอื่นๆ ที่น่าลิ้มลองคือ เฟตตูชินีโฮมเมดที่นุ่มอร่อยผัดกับปลาแซลมอนและหอยเชลล์ตัวโต, ปลาหิมะอบโรสแมรี่, Rack Lamb, ข้าวอิตาเลียนที่ใช้หมึกดำผัดมีกุ้งลายเสือตัวโตโปะอยู่ด้านบน
มุมสบายๆ ที่ร้านThe Pier สมุย
       คืนที่สองของทัวร์ตะลุยกินกับปิ่นโตเถาเล็กครั้งนี้ พวกเราพักกันที่โรงแรม Le Bayburi The Sea Samui ซึ่งเป็นโรงแรมใหม่เอี่ยมเปิดรับพวกเราเป็นกลุ่มแรก บริหารโรงแรมโดยAstudo Hotel & Resort Group ตกแต่งในสไตล์ Tropical Fusion ผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออก ห้องพักกว้างขวางสะอาดเอี่ยม เปิดโล่งเห็นวิวทะเลใต้ฟ้าสีครามอันเงียบสงบ **ชมภาพสวย ๆเพิ่มเติม ได้ที่นี่ **
       

       เช้าวันใหม่รองท้องกับเมนูข้าวต้มธรรมดา แต่รสชาติอร่อยไม่แพ้อเมริกันเบรกฟาสต์ กับการต้อนรับอันแสนอบอุ่นของพนักงานทุกคนของโรงแรม ทำเอาพวกเราอิ่มใจก่อนอำลามุ่งหน้าไปทำภารกิจตะลุยชิมกันต่อไป
       

       จุดหมายปลายทางของมื้อกลางวันอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมง เลาะไปตามซอกซอยแคบๆ หน่อย พอถึงท่าเรือจะมีร้านเก๋ๆ เป็นอาคารสองชั้นชื่อ The Pier ภายในร้านตกแต่งแบบเรียบแต่เก๋ในโทนสีดำ-ขาว จากฝีมือ ดวงฤทธิ์ บุนนาค ด้านหลังของร้านเปิดโล่งออกไปเห็นเด็กเล็กๆ 5-6 คนวิ่งซุกซนกระโดดเล่นน้ำดำผุดดำว่ายกันอย่างเพลินใจ
ไอซ์ลาเต้ กับ บลูเบอร์รี่ ชีสเค้กที่ร้านบาคูบุง
       อาหารของร้านนี้มีให้เลือกอร่อยทั้งอาหารไทยปรุงโดยแม่ครัวไทย ส่วนอาหารฝรั่งฝีมือเชฟ Yannick Tirbois  ซึ่งคุณLise Dumont เจ้าของร้านเตรียมทั้ง 2 ชาติมาต้อนรับ อย่างเมนูอาหารไทย มี ลาบไก่เสิร์ฟในกะหล่ำใบใหญ่สีม่วง กระดูกหมูสมุนไพรใช้กระดูกอ่อนหมักกับเครื่องสมุนไพรนำไปทอดให้กลิ่นหอมรสชาติอร่อย ผัดไทย แกงเผ็ดเป็ดย่าง ปูนิ่มผัดผงกะหรี่และซีฟู้ดรวมมิตร อาหารไทยของร้านนี้รับรองว่ารสแซบถึงใจจริงๆ ตบท้ายด้วยขนมหวานยุโรปที่จัดมา 4 อย่างใน 1 จานใหญ่ มี Panna Cotta Tiramisu Chocolate Mousse และ Mango Turron
       

       ก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ พวกเรายังพอมีเวลาเหลืออีก 3 ชั่วโมง จึงแวะ “บาคูบุง” ร้านกาแฟที่เพิ่งเปิดมาได้ปีกว่าเท่านั้น คนตั้งชื่อบาคูบุงอันหมายถึงฮิปโปในภาษาแอฟริกันคือ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เภสัชกรหญิงไทยที่ไปอุทิศตัวให้กับการรักษาโรคเอดส์ที่แอฟริกาจนได้รับรางวัลแมกไซไซ
       

วิวสวยๆ ของร้าน บาคูบุง สมุย
       คุณภูติ เกตุมุนินทร์ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ ดร.กฤษณา และเป็นหุ้นส่วนของร้าน ยอมลาออกจากงานประจำพร้อมภรรยา เพื่อมาเปิดร้านกาแฟในฝันของเขา และเชื่อว่าน่าจะเป็นร้านกาแฟในฝันของคนรักกาแฟทั้งหลายด้วย เพราะเป็นร้านกาแฟเล็กๆ บนพื้นที่กว้างขวางด้านหลังติดทะเล  เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นเจ้าของที่เอง  จึงเก็บพื้นที่ทำเลทองติดทะเลนี้ให้เป็นเพียงร้านกาแฟเล็ก  ที่สงบร่มรื่นบนเกาะสมุย
       ที่นี่มีกาแฟเคนย่าที่มาเบลนด์กับกาแฟดอยช้าง ของไทยให้กลิ่นหอมอร่อย จิบกาแฟพร้อมบลูเบอรี่ชีสเค้ก ฝีมือภรรยาภูติ ที่ไม่หวานแต่เข้มด้วยมันเนย หรือใครชอบของคาวทานเล่น ต้องสั่งปีกไก่ทอดรสเด็ดแห้งกรอบอร่อย
       ร้านกาแฟมีหลายมุมให้เลือกเสพกับบรรยากาศถูกใจคอกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นม้านั่งให้นอนเอกเขนกฟังเสียงคลื่น หรือมุมให้ต้นไม้มีม่านบาหลีห้อยระลงมาในบรรยากาศโรแมนติก
** ชมภาพสวย ๆเพิ่มเติมได้ที่นี่**
       ทัวร์ซอกแซกกินครั้งนี้อำลาสมุยด้วยความประทับใจแถมน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแบบห้ามใจตัวเองไม่ได้
       

                           ********************
      
       ข้อมูลเพิ่มเติม
      
       ร้านอาหาร ครัวชาวบ้าน ( Krao Chao Baan Restaurant )
       Tel.077-418589, มือถือ 089-0095560, 087-2672481
       อีเมล์. Becoolkate4@yahoo.com
      
       ร้านอาหาร Sixsenses Hideaway Samui
       โทร. 077 – 245678
       www.sixsenses.com, reservations-samui@sixsenses.com
      
       ร้านอาหาร The Library
       14/1 Moo2 Chaweng Beach
       Bo Phut Ko Samui
       Suratthani 84320
       โทร 077-422767-8 www.thelibrary.name
      
       เรด สแนปเปอร์ บาร์ แอนด์ กริล
       
( Red Snapper Bar & Grill )
       โทร. 077-422008
      
       ร้านอาหาร บาคูบุง ( Bakubung )
       
Tel. 084-6369090
       อีเมล์ : bakubung@hotmail.com
      
       ร้านอาหาร สมุย ซีฟู้ด ( Samui Seafood Restaurant )
       โทร. 077-429700 ต่อ 5100
       www.muangsamui.com
      
       Olivio Italian Beachside Restaurant
       
โทร. 077-231500-8
       www.baanhaadngam.com
      
       ร้าน The Pier
       50 Moo 1 Fisherman’s Village Bophud
       Koh Samui Suratthani84320
       Tel.077-430 681-2

5 วิธีทำหมูแดดเดียว กรอบนอกนุ่มในทำเองได้อร่อยไม่ง้อร้าน


เนื้อหมูในตู้เย็นซื้อมาเยอะกลัวกินไม่ทันก็จับมาทำหมูแดดเดียว อาหารไทยเก็บไว้กินได้นานกันดีไหม เราขอนำเสนอวิธีทำหมูแดดเดียว มีทั้งแบบง้อแดดและไม่ง้อแดด ต่อไปนี้ไม่ต้องไปหาซื้อหมูแดดเดียวขายส่ง หรือไปเข้าคิวที่หน้าปากซอยกันแล้ว ใครสนใจอยากได้วิธีทําหมูแดดเดียวเค็มแบบเป๊ะ ๆ กินได้ทั้งครอบครัว เลือกสูตรอาหารที่ชอบด้านล่างกันเลย

5 วิธีทำหมูแดดเดียว กรอบนอกนุ่มในทำเองได้อร่อยไม่ง้อร้าน

1. หมูแดดเดียว สูตรตากแดด


วิธีการทำหมูแดดเดียวสุดเบสิกคือการตากแดด วันไหนแดดจัดเตรียมหมูรอเลย ขอนำเสนอเมนูหมูแดดเดียวทอด พอหมักหมูกับซอสเรียบร้อยก็จับไปตากแดด กินกับน้ำจิ้มแจ่วอร่อยมากเลย

5 วิธีทำหมูแดดเดียว กรอบนอกนุ่มในทำเองได้อร่อยไม่ง้อร้าน 1. หมูแดดเดียว สูตรตากแดด

ส่วนผสม หมูแดดเดียว
• เนื้อสันคอหมู หั่นเป็นชิ้นยาว ความหนา 1 ซม. จำนวน 1 กิโลกรัม
• น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
• นมข้นจืด 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
• ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วขาว 1/4 ถ้วย
• น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ
• งาขาว 2 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำหมูแดดเดียวทอด
1. ผสมน้ำตาลทรายกับนมข้นจืด น้ำมันพืช ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และงาขาว คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
2. ใส่เนื้อหมูที่หั่นเตรียมไว้ลงเคล้าผสมในส่วนผสมซอส พักทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จนน้ำซอสซึมเข้าเนื้อหมู
3. วางเนื้อหมูที่หมักไว้เรียงลงบนตะแกรง นำออกไปตากแดดจนเนื้อหมูแห้งหมาด ๆ เก็บใส่ภาชนะปิดให้สนิท นำเข้าแช่แข็ง
4. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง พอร้อนใส่เนื้อหมูลงทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน พร้อมรับประทาน

2. หมูแดดเดียวสูตรอบไม่ตากแดด


ใครว่าการทำหมูแดดเดียวต้องตากแดดเสมอไป ถ้าวันไหนไม่มีแดดแต่อยากกินก็ทำได้นะคะ ใครสนใจมาจดสูตรหมูแดดเดียวอบ จับหมูไปหมักแล้วนำเข้าเตาอบจนแห้ง เสร็จแล้วก็นำมาทอดจนสุก แค่นี้ก็เรียบร้อย

5 วิธีทำหมูแดดเดียว กรอบนอกนุ่มในทำเองได้อร่อยไม่ง้อร้าน 2. หมูแดดเดียวสูตรอบไม่ตากแดด

ส่วนผสม หมูแดดเดียวอบ
• เนื้อหมู (สันคอ) 500 กรัม
• กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
• งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
• พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
• ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำหมูแดดเดียวอบ
1. นำเนื้อหมูมาล้างทำความสะอาด ซับให้แห้งแล้วหั่นยาวตามสไตล์หมูแดดเดียว
2. ผสมกระเทียม งาขาว น้ำตาลทราย และพริกไทย คนให้เข้ากัน
3. ใส่ซีอิ๊วขาวกับน้ำมันหอยลงไป คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี ก็เริ่มหมักหมูกันได้เลย ใส่หมูที่เตรียมไว้คลุกเคล้าให้เข้ากัน (พักหมูไว้ในตู้เย็น 2 ชั่วโมง)
4. พอครบเวลาก็นำหมูออกจากตู้เย็นมาวางเรียงบนตะแกรง เรียงให้ห่างกันเล็กน้อย
5. นำเข้าเตาอบ เปิดไฟบน-ไฟล่าง ระบบพัดลมที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส อบเนื้อจนแห้งประมาณ 4 ชั่วโมง
6. ทอดหมูได้เลยค่ะ ทอดจนสุกเหลืองทั้งชิ้น

3. คอหมูแดดเดียว


สำหรับใครที่ชอบเมนูหมูแดดเดียวฉ่ำ ๆ ต้องนี่เลย เมนูคอหมูแดดเดียว สูตรนี้หมักหมูด้วยน้ำสับปะรดเพิ่มความนุ่ม หั่นชิ้นหนาตามชอบ เอาล่ะ... เริ่มหมักหมูกันเลยพี่น้อง

5 วิธีทำหมูแดดเดียว กรอบนอกนุ่มในทำเองได้อร่อยไม่ง้อร้าน 3. คอหมูแดดเดียว

ส่วนผสม คอหมูแดดเดียว
• คอหมู 500 กรัม (คอหมูไม่ใช่สันคอหมูนะครับ คอหมูที่เขาใช้ทำคอหมูย่าง บางที่ใช้สันคอ แต่สูตรนี้เน้นนุ่ม ๆ หนึบ ๆ ถ้าไม่ชอบมัน ๆ ให้แล่เอาส่วนมัน ๆ ออกมา เนื้อส่วนนี้จะเห็นมันแทรกในชั้นเนื้อ ทำให้นุ่มและไขมันนำพารสเครื่องปรุงแทรกเข้ามาชัดเจนมาก)
• สับปะรด (จะใช้ฉ่ำ ๆ หรือจะเอากรอบ ๆ ก็เอามาเถอะ)
• น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
• ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกไทย 1/2 ช้อนชา
• น้ำมันสำหรับทอด (ใช้ Deep Fry ทอดน้ำมันท่วม ๆ นะครับ อย่าขี้เหนียว)

วิธีทำคอหมูแดดเดียว
• หั่นคอหมูเป็นเส้นยาวประมาณ 1 เซนติเมตร หรือตามชอบ

เคล็ดลับหมักหมู :
1. อย่าหั่นหมูบางมาก เพราะถ้าบางเวลาทอดจะแห้งแข็งสภาพเป็นจิ้งจกแห้งตาย
2. หั่นตัดขวางลายเส้นเนื้อหมู อย่าหั่นตามลายเส้นเนื้อ เพราะถ้าหั่นตามเส้นนะพ่อคุณเอ๋ย หมูจะเหนียวจนเอามาใช้แทนยางรัดถุงแกงได้เลย

วิธีหมักหมูแดดเดียว
• ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงไป ได้แก่ น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา ซอสปรุงรส พริกไทย และน้ำสับปะรด แล้วขยำให้เข้ากัน (ใส่ให้สุดแรง)

เคล็ดลับ :
1. เครื่องปรุงทั้งหมด อนุญาตให้สลับใส่เครื่องปรุงไหนก่อน-หลังก็ได้ไม่มีผลต่อรสชาติ
2. นำสับปะรดมาบีบคั้นน้ำใส่ลงไปสัก 2 ช้อนโต๊ะ อย่าเอาง่ายใส่ไปทั้งชิ้น กินประณีตนิดหนึ่ง
3. สูตรนี้น้ำสับปะรดช่วยให้หมูนุ่มสุด ๆ ผิวหนังที่นวดก็น่าจะนุ่มได้เหมือนกัน สำหรับเครื่องปรุงมีดังนี้ ซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส หัวซีอิ๊วขาว หางซีอิ๊วขาว น้ำมันงา และพริกไทย ใช้ซีอิ๊วขาวตราเด็กอ้วนก็ได้ครับ ที่ใช้ซีอิ๊วขาวอันนี้เพราะกลิ่นหอมมาก รสชาติละมุนไม่เค็มจัดและมีรสหวานอ่อน ๆ บอกเลยว่าอร่อย ได้มาจากข้าวมันไก่ร้านดังที่หาดใหญ่ ใช้หางซีอิ๊วกับน้ำมันงา 2 ตัวนี้ราดไก่ต้มมา ติดใจเลย อยากกินไก่ต้มมันทุกวัน แทบจะไปขอคนสับไก่เป็นเมีย

หมายเหตุ : ส่วนสำคัญอีกอย่างคือ การชิมรสชาติ หากจะให้พอดีตามรสที่ชอบ บางทีตามสูตรนี้อาจไม่ใช่รสโปรดของคุณ ให้บรรจงเอาเครื่องปรุงรสทุกอย่างผสมใส่ถ้วยแล้วแตะลิ้นชิมก่อน ถ้าชอบรสไหน รสอะไรขาดไป เติมเลยครับ หากคนติดหวานใส่น้ำตาลทรายหรือซีอิ๊วดำก็ได้ แต่ถ้าใส่หมักหมูไปแล้ว เอานิ้วที่ขยำ ๆ แตะ ๆ ลิ้นดูหน่อยว่ารสโอเคไหม อย่าให้เค็มมาก เพราะเมื่อเอาไปตากแดดแล้วทอด เนื้อหมูจะแห้ง ทำให้เค็มกว่าเดิม

วิธีตากหมูแดดเดียว
ต่อไปสำรวจบริเวณบ้านที่มีแดดส่อง เลือกพื้นที่ที่แดดส่องทั้งวัน ครั้นจะให้ไปเลื่อนถาดตามแดดทุก 10 นาที ไม่ต้องทำมาหากินพอดี

วางหมูที่คลุกแล้วกระจาย ๆ ชิ้นหมูจัดให้สวยงามลงบนถาด ***อย่าให้เนื้อหมูซ้อนกัน ภาพออกมามันดูไม่งาม รักษาระยะห่างกันไว้สักนิดจะได้แห้งเหี่ยวกันไว ๆ ***

นำถาดหมูที่ได้ไปตากแดด (แขวนยั่วเทวดา ระหว่างรอให้เอาสับปะรดที่เหลือจากคั้นน้ำมานั่งกินรอเวลา)
• ถ้าแดดดี : ประมาณ 4-5 ชั่วโมง กำลังได้ที่
• ถ้าแดดอ่อน : แขวนลืมไว้ได้เลย เย็น ๆ เก็บทีเดียว
• ถ้าแดดอ่อนจัดมาก : ตอนเย็นเนื้อหมูยังชุ่ม ๆ อยู่ เอาไดร์ร้อนเป่าผมช่วยเซต
• ถ้าเริ่มแขวนกลางคืน : แนะนำให้นำไปตากตอนเช้าของอีกวัน จบนะ !!

แต่... ถ้าแถวบ้านไม่มีแดดส่อง หรืออยากกินหมูแดดเดียววันฝนตก หรือสถานที่ตากแถวบ้านไม่อำนวย มีก่อสร้าง มีนกบินไป-มา หมาแมวมารบกวน หมูแดดเดียวจะอุดมไปด้วยฝุ่นและสิ่งไม่พึงปรารถนา ให้แก้ปัญหานี้ด้วย "เตาอบ" จ้า

เอาชิ้นหมูเรียงบนถาดให้เรียบร้อย ใช้กติกาเดิม ***อย่าทับกัน อย่าซ้อนกัน***

อบใช้ไฟบนกับลมร้อน (ให้สภาพเหมือนอากาศบ้านเราตอนเดินไปข้างนอก) ที่อุณหภูมิ 70-120 องศาเซลเซียส เปิดวอร์มเตาได้ที่ก่อนแล้วยัดเข้าไปได้เลย เลือกเวลาตามความเหมาะสม ดูให้น้ำในเนื้อหมูระเหย จนชิ้นเนื้อเริ่มแห้ง (ระหว่างรอให้เอาสับปะรดลูกเดิมที่เหลือจากคั้นน้ำนั่นแหละมานั่งกินรอเวลา)

พอครบเวลาแล้วไม่ว่าจะตากแดดหรือตากเตาได้ที่แล้วถ้ายังไม่กิน ให้เก็บเข้ากล่องถนอมอาหาร แล้วยัดตู้เย็นไปนอนหนาวรอได้เลย อารมณ์ดีวันไหนอยากกิน ค่อยแบ่งออกมาทอดเก็บกินได้ยาว ๆ

วิธีทอดหมูแดดเดียว
1. ตั้งกระทะกะน้ำมันให้ท่วมชิ้นหมู (ถ้าทอดไม่เยอะใช้หม้อใบเล็กใส่น้ำมันทอดแทนกระทะ ประหยัดน้ำมันได้เยอะครับ ถ้าที่บ้านมีฐานะ มีโรงหีบน้ำมันปาล์มเป็นของตัวเอง ใส่ได้ตามสบายเลยครับ จะเอาท่วมหมูหรือจะท่วมบ้านแล้วแต่ฟีลลิ่งเลย)
2. นำไปตั้งไฟกลางค่อนไปทางอ่อน รอจนน้ำมันร้อน
3. การสังเกตว่าน้ำมันร้อนใช้ได้แล้วไม่ยาก ใช้หลังมือครับ หลังมือเป็นส่วนที่รับรู้อุณหภูมิได้ไว ใช้หลังมือ... จุ่มลงไปที่น้ำมัน ถ้ามีฟองอากาศ รู้สึกว่าร้อน ร่างกายดึงมือออกมาโดยอัตโนมัติ แสดงว่าน้ำมันใช้ได้แล้ว หรืออีกวิธีในการเช็กความร้อนของน้ำมัน ให้ใช้หมูที่เราตากชิ้นเล็ก ๆ ใส่ไปดู ถ้ามีเสียงฉ่า ๆ มีฟอง มีน้ำมันกระเด็นดีดใส่ร่างกาย แปลว่าใช้ได้)
4. ทอดหมูดูให้พอเหลืองไม่ต้องออกดำมาก ***ยิ่งทอดนาน หมูยิ่งแข็ง ยิ่งดำไม่น่าทาน*** ปกติจะทอดประมาณสีน้ำตาล ๆ จนผิวเริ่มแห้ง แล้วช้อนขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันไว้ ให้ความร้อนทำงานต่ออีกสัก 2-3 นาที สีจะเข้มขึ้นเล็กน้อย
5. เท่านี้ก็ได้ "คอหมูแดดเดียว" ที่รสชาติเข้าเนื้อ แถมชิ้นหมูแห้งแต่ข้างในนุ่มชุ่มฉ่ำ พร้อมเสิร์ฟกับข้าวเหนียวนุ่ม ๆ แล้ว

4. หมูทอดแดดเดียว


หมูแดดเดียว หมูทอดง่าย ๆ ตากแค่พอหมาด แดดเดียวก็พอแล้ว หั่นชิ้นตามชอบหมักกับเครื่องปรุงรส พอทอดจนสุก พร้อมเสิร์ฟกับข้าวเหนียว อร่อยพุงคอนเฟิร์ม !

5 วิธีทำหมูแดดเดียว กรอบนอกนุ่มในทำเองได้อร่อยไม่ง้อร้าน 4. หมูทอดแดดเดียว

ส่วนผสม หมูทอดแดดเดียว
• สันคอหมูหั่นเส้น
• กระเทียม
• รากผักชี
• พริกไทย
• เม็ดผักชี 2 ช้อน
• เกลือ
• ซอสปรุงรสฝาเขียว
• น้ำตาลปี๊บ
• รสดี 2 ช้อน

วิธีทำหมูทอดแดดเดียว
1. เอาสันคอหมูมาหั่นเส้น
2. ตำกระเทียม รากผักชี พริกไทย และเม็ดผักชีคั่ว ปรุงรสตามชอบ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. เอาไปตากแดดหมาด ๆ เพียงแดดเดียว เสร็จแล้วเอาไปทอดใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อนจนสุก

5. หมูพวง หมูร้อยตอก


แดดร้อนขนาดนี้ เมนูหมูพวงต้องมา จับหมูหมักซอสแล้วเอาไปตากแดดจนแห้ง เสร็จแล้วทอดจนสุก กินกับน้ำจิ้มแจ่ว

5 วิธีทำหมูแดดเดียว กรอบนอกนุ่มในทำเองได้อร่อยไม่ง้อร้าน 5. หมูพวง หมูร้อยตอก

ส่วนผสม หมูพวง หมูร้อยตอก
• เนื้อหมูส่วนสะโพก หั่นเป็นเส้น 500 กรัม
• ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกไทยเม็ด 10 กรัม
• กระเทียม 15 กรัม

หมายเหตุ : สูตรนี้รสชาติจะออกเค็ม ถ้าใครไม่กินเค็มลดปริมาณซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะได้ค่ะ

วิธีทำหมูพวงหมูร้อยตอก
1. โขลกกระเทียมกับพริกไทยให้ละเอียด
2. ใส่กระเทียมพริกไทยที่โขลกแล้ว ซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาว ลงไปหมักกับหมู คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ 30 นาที
3. นำตอกมาร้อยให้เป็นพวงแบบนี้ค่ะ เมื่อเราร้อยหมูเสร็จแล้วให้นำไปตากแดด 2 ชั่วโมงค่ะ (เราตากตอน 4 โมงเย็น)
4. ตั้งน้ำมันให้ร้อนแล้วนำหมูลงทอดค่ะ เมื่อหมูสุกแล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน กินคู่กับข้าวเหนียว จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่ว

ขอขอบพระคุณที่มา กระปุกดอทคอม
https://cooking.kapook.com/view151303.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

5 สุดยอดร้านสุกี้ทั่วกรุง 5 สุดยอดร้านโจ๊กในกรุงเทพ 50 อาหารแปลกแต่ขายดีของญี่ปุ่น 101 เมนูซูชิ 5 สุดยอดร้านกระเพาะปลาในกรุงเทพ อาหาร 100 อย่างตามทางรถไฟสายยามาโนเตะ อาหารเวียดนาม ขนมไทยโบราณที่น่าจดจำ และ ขนมไทยมงคล ๙ อย่าง 30 อันดับขนมหวานเมืองคามาคูระประเทศญี่ปุ่น อาหารประเทศอาเซียน 7 ขนมหวานยอดฮิตของเยอรมัน  อาหารลาว 10 สายพันธุ์งูน่าทึ่ง 25 สถานที่ดำน้ำทั่วโลก 25 สัตว์น้ำรูปร่างหน้าตาประหลาด ไขปริศนาใครคือแจ๊คเดอะริปเปอร์ (Jack The Ripper) 20 พืชผักแปลกสายพันธุ์เก่าแก่ 10 อันดับสัตว์มีพิษ ตำนานธอร์ (Thor) เทพสายฟ้า 10 อันดับสัตว์สถาปนิก 15 สัตว์โลกสวยงามที่ใกล้สูญพันธุ์ เปิดแฟ้มลับชีวิตรัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) เห็ดมีพิษ 10 อันดับฆาตกรเด็ก 10 อันดับสัตว์ผีดูดเลือด 10 อันดับสัตว์แปลกที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากที่สุด 10 เกมส์ดีที่โลกควรรู้จัก ช่วยฝึกสมอง เด็กเล่นได้ไม่รุนแรง แนะนำ Android Games Cloud Computing http://megatopic.blogspot.com/2013/08/20-90s.html http://megatopic.blogspot.com/2013/12/dead-island-riptide.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post_2.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/application-iphone-ipad-1.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_866.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/101.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/application-iphone-ipad-1.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/botox-filler.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_8739.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_8.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/great-wall-of-china.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_3921.html http://megatopic.blogspot.com/2013/10/blog-post_24.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_8781.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_23.html http://www.blogger.com/%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7...%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_19.html http://megatopic.blogspot.com/2013/10/blog-post_6477.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/butterfly-pea.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_7684.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_6.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_27.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/nikita-khrushchev.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_16.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_3574.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/8.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_22.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_954.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_28.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post_17.html http://megatopic.blogspot.com/2013/11/2-tasty-too.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_22.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/10.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/7.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_4.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_7834.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/stephen-hawking.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/10_13.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/10_27.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/10.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_14.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/acerola-cherry.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_18.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/albert-einstein.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_30.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_26.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post_6378.html http://megatopic.blogspot.com/2013/09/blog-post.html http://megatopic.blogspot.com/2013/10/blog-post_28.html http://megatopic.blogspot.com/2013/11/blog-post_24.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/apache-helicopter.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_7038.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/25_22.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post_20.html http://megatopic.blogspot.com/2013/08/blog-post_28.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_4929.html http://megatopic.blogspot.com/2013/06/blog-post.html http://megatopic.blogspot.com/2013/07/blog-post_18.html